สยาม ศรีรองเมือง เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้หลายๆคนก็อาจจะยังไม่คุ้นหูกันนัก แต่ถ้าบอกว่าคุณ สยาม หรือ ที่หลายๆคนเรียกกันติดปากว่าพี่ สยาม แห่ง Panda Rider ล่ะคงจะร้องอ๋อกันเป็นแถวเลยใช่ไหม โดยเฉพาะบรรดาเหล่าไบค์เกอร์ทั้งหลายน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับร้าน Panda Rider เพราะร้านนี้เขานำเข้าอุปกรณ์ไรดิ้ง เกียร์ มากมายหลากหลายแบรนด์คุณภาพมากกว่า 25 แบรนด์ เพื่อที่จะนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับบรรดาเหล่าไบค์เกอร์ในบ้านเราได้เลือกใช้กัน
โดยหลายๆ คนอาจจะรู้จักคุณ สยาม กันดีอยู่แล้วในฐานะเจ้าของร้านหรือเจ้าของกิจการ Panda Rider แต่ในชีวิตปกติประจำวันของผู้ชายคนนี้ เขาทำอะไรบ้างหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ เมื่อเขาถอดมาดของพ่อค้าออกผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างที่คุณคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ สยาม ศรีรองเมือง ในมุมมองที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน คุณจะได้รู้จักกับผู้ชายคนนี้ให้ดีมากขึ้นกว่าเดิม แล้วคุณจะหลงรักคนคนนี้ไปพร้อมกับเรา…..
Q : ทำไมถึงต้องเป็น Panda ?
A : นี่เป็นคำถามที่ทุกๆคนที่เข้ามาจะต้องถามผม จริงๆแล้วมันมาจากเมื่อก่อนผมก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่คอยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ แล้วมีอยู่วันหนึ่งผมเข้าไปเล่นกระทู้ในเว็บพันทิพย์มันก็จะมีให้ใส่ชื่อนิกเนมของเราก่อนที่จะเข้าใช้ ผมก็นึกว่าเราเหมือนอะไรนะจะใช้ชื่ออะไรดี ประจวบกันตอนนั้นผมทำงานหนักมากวันวันนึงเกือบจะ 24 ชม. เลยก็ว่าได้ แล้วการที่เราอดหลับอดนอนมันก็ทำให้ตาเราดูคล้ำๆหน่อย ผมก็เลยคีย์ลงไปโดยใช้คำว่า Panda นี่ล่ะไม่มีอะไรเลย
Q : Panda Rider เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ?
A : จริงๆมันน่าจะเริ่มเมื่อประมาณปี 2002 ตอนนั้นผมเริ่มคบกับแฟนคนนี้แล้ว ซึ่งตอนนั้นเป็นลูกแม่ค้าอยู่ในตลาด ผมก็เริ่มมองว่าอยากจะมีรายได้เสริม เราจะทำอะไรดี ประจวบกับในตอนนั้นเราเป็นคนที่ชอบรถมอเตอร์ไซค์มานานแล้ว แล้วบังเอิญอีกเช่นกันพอดีตอนนั้นมีแบรนด์น้ำมันเครื่องยี่ห้อหนึ่งกลับเข้ามาทำตลาดในไทย ผมก็เลยเขียนเป็นเว็บไซค์ขึ้นมาเว็บหนึ่งชื่อเว็บ Panda2002.com โดยในเว็บจะขายน้ำมันเครื่องล้วนๆเลย มาในปี 2004 เราก็เริ่มที่จะรับสินค้าอื่นเข้ามาขายซึ่งก็เกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์นี่ล่ะ จนรายได้มันเริ่มดีขึ้นก็มีคนเข้ามาถามว่าทำไมไม่เอายี่ห้อนู้นยี่ห้อนี้เข้ามาขายบ้าง จนคราวนี้ผมเริ่มเปิดเป็นร้านเล็กๆมีหน้าร้านเป้นของตัวเอง จนเมื่อรายได้มันเยอะขึ้นจนคอปเว่อเงินเดือนผมก็ให้แฟนลาออกจากงาน มาคราวนี้มันต้องจริงจังแล้วชื่อ Panda 2002 มันไม่ได้แล้ว ผมคิดชื่อไว้เยอะมาก เยอะขนาด 2-3 หน้ากระดาษ A4 จนมีผู้ใหญ่อยู่ท่านหนึ่งมาพูดกับผมว่า สยามยังไงแกก็เป็นแก แกนะไม่รวยหรอกแต่แกจะมีเพื่อนเยอะ เราเลยคิดได้ว่าเราก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบขี่รถมอเตอร์ไซค์นิ ผมก็เลยเติมคำว่า Rider เข้าไปก็กลายมาเป็น Panda Rider จนถึงวันนี้
Q : ทำไมถึงเลือกเป็น Schuberth , Nexx เข้ามา ?
A : ผมมองว่ามันเป็นความท้าทาย และมันเป็นสินค้าที่พรีเมี่ยม เพราะสินค้าที่อยู่กับเราต้องเป็นพรีเมี่ยมทั้งหมดนั่นคือเราต้องนำตัวท็อปเข้ามา ถึงมันอาจจะไม่ใช่ท็อปสุดแต่ 1-5 มันต้องติดแน่นอน มันต้องมาอยู่ที่ผม ต้องมาอยู่ที่ร้านของผม เพราะว่าอะไรทำไมถึงต้องเป็นตัวท็อปเท่านั้น ก็เพราะว่าเราขายของเกี่ยวกับความปลอดภัยเราจะมาทำเล่นๆไม่ได้ การที่เขาเข้ามาเลือกซื้อสินค้าไปจากร้านของเราแสดงว่าเขาต้องมั่นใจเขาฝากความปลอดภัยไว้กับเรา
Q : คิดอย่างไรกับของเลียนแบบในปัจจุบัน ?
A : สำหรับผมเรื่องของปลอมเลิกคุยไปได้เลย สำหรับผมสินค้าเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก เพราะสินค้าจะดีไม่ดีมันจะตอบตัวของมันเอง แต่ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือบ้านของเรา ลูกค้าเข้ามาห้องน้ำไม่สะอาดไปแล้วในเว็บในโซเชียวต่างๆ ต่อให้สินค้าคุณดีแค่ไหนเข้าร้านไปบริการห่วยแตกก็เลิกจบกัน เรื่องของเลียนแบบผมเข้าใจครับผมเคารพว่าเงินในกระเป๋าของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน แต่ผมจะแนะนำอย่างนี้ครับ ถ้าไม่รบกวนเงินในกระเป๋าซื้อตัวท็อปให้หมดไม่ว่ายี่ห้ออะไร เช่น คุณมีเงิน 3,000 บาท จะซื้อถุงมือซักคู่หนึ่งก็ให้ซื้อตัวท็อปในรุ่นของ 3,000 ถ้ารักที่จะเล่นเกี่ยวกับความเร็วก็ต้องรักที่จะเล่นเกี่ยวกับความปลอดภัยด้วย
Q : ตลาดไบค์เกอร์ในปี 2015 จะเป็นอย่างไร ?
A : ผมมองว่าในปีนี้ตลาดคาเฟ่มาแรงเลยมาแน่ๆมาเต็มๆทั้งปี แต่มาแล้วก็จะเอ้าไปเลยเหมือนกัน ส่วนตลาดในไทยที่ผมมองว่าจะอยู่ตลอดไปเลยก็คือสายทัวริ่งแอดเวนเจอร์ นี่ในความคิดส่วนตัวของผมนะ
Q : ใช้มอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวันบ่อยไหม ?
A : ถ้าว่างก็จะขี่ มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาเกือบ 2 เดือน พอขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ปั๊บไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ไม่มีจุดหมาย ตอนแรกก็ขี่เล่นๆแถวในเมือง ขี่ไปขี่มาไปออกสมุทรปราการ แล้วก็ขี่กลับมา
Q : ทำไมถึงชอบมอเตอร์ไซค์ ?
A : เรารัก เราตกหลุมรักมัน บางทีเราขับรถยนต์ไปเจอทางสวยๆเราอยากจะจอดรถยนต์แล้วกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์นั่นล่ะที่ผมว่ามันคือคำตอบ เวลาผมเครียดๆทางออกของผมก็คือขี่มอเตอร์ไซค์ มันอิสระ อยากจอดจอด อยากกินกิน อยากนอนนอน
Q : ขี่มอเตอร์ไซค์มาแล้วกี่ปี ?
A : ขี่มาตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนั้นก็น่าจะประมาณมัธยม 1
Q : รถมอเตอร์ไซค์คันกแรก ?
A : ตอนนั้นรู้สึกจะเป็น YAMAHA MATE 111 หรือที่เราเรียกกันว่าเมทนางพญา
Q : ตอนนี้มีรถกี่คัน ?
A : 8 คันครับ อย่างถ้าไปไหนมาไหนใกล้ในชีวิตประจำวันก็จะใช้เป็นพวก Honda Wave , Yamaha Spark แต่ถ้าออกทริปขี่ท่องเที่ยวก็จะเป็น BMW GS1200 ตลอดระยะเวลา 8 ปีมานี้ผมเปลี่ยนรถมาแล้วประมาณ 35 คัน
Q : ทำไมถึงเปลี่ยน เปลี่ยนเพราะอะไร ?
A : เรามีความสุขที่จะซื้อ มีความสุขที่จะครอบครองมันมากกว่าไม่อะไรมาก
Q : ให้เลือกรถคันโปรด 1 คันที่ชอบที่สุด ?
A : ผมว่าคงจะเป็น BMW GS ว่ะมันใช่สุดแล้ว
Q : ซื้อรถบ่อยแบบนี้คนใกล้ตัวไม่ว่าเหรอ ?
A : ไม่ว่าเลยครับ คำตอบของเขาคือไม่ซื้อมากกว่านี้เหรอ เขาไม่ว่าเพราะเขารู้ว่าผมชอบอะไร ผมเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวมาก
Q : เคยขี่ไปไกลสุดที่ไหน ?
A : ผมขอไม่ตอบคำถามนี้แล้วกัน เพราะผมคิดว่ามันไม่มีคำตอบที่ดี สำหรับผมรังสิตก็สวย แต่ถ้าให้ผมออกทริปไม่ถึงพันกิโลผมไม่ไป
Q : ถ้าให้เปรียบตัวเองเป็นรถ 1 คัน ?
A : ผมว่าคงจะเป็นแอดเวนเจอร์นะ แต่สาเหตุที่ตอนนี้ยังไม่กล้าลุยมากๆเพราะผมกลัวติด
Q : ความฝันสูงสุดของการขี่มอเตอร์ไซค์ ?
A : ผมอยากจะเก็บทุกๆอำเภอ ทุกจังหวัดในประเทศไทย แล้วผมจะเก็บดินของทุกอำเภอกลับมา
Q : เคยเกิดอุบัติเหตุไหม ?
A: เคย 2 ครั้งครับ ครั้งแรกนี่ตอนเรียนอยู่ ม.3 ส่วนครั้งที่สองนี่ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นตรงสะพานหัวช้าง ขี่มาด้วยความเร็วประมาณ 140 ไม่มีคน เจอมอไซค์คันหนึ่งเราหักหลบเขาก็หักหลบเข้ามาหาเราพอดี ชนท้ายเข้าไปเต็มๆ นอนโรงพยาบาลไป 2 คืนกะว่าวันที่ 3 จะออกปรากฏว่าวันที่ 3 อ้วกเพราะมันโดดกระแทกเข้าไปตอนที่ล้มแล้วมันไปช้ำด้านใน แต่โชคดีที่วันนั้นผมใส่ชุดป้องกันทั้งตัว ผมก็เลยคิดในใจว่าเห้ยของดีมันเซฟจริงๆนะ มันก็เลยช่วยชีวิตเราเอาไว้
Q : คิดว่าประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง ?
A : ถ้าพูดในแง่ของชีวิต เมื่อ 5-6 ปีที่แล้วแม่ผมบอกกับผมว่าแม่หมดห่วงผมแล้ว ผมคิดว่านั่นล่ะชีวิตผมประสบความสำเร็จแล้ว แล้วตอนนี้ผมก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทุกๆวันเพราะผมมีเจ้าตัวเล็ก ผมคิดว่าชีวิตผมจบแค่นี้ ส่วนในเรื่องของธุรกิจมันก็ต้องดำเนินกันต่อไป
