2026 Ducati Panigale V4 R ซูเปอร์ไบค์รุ่นใหม่ ยกมาตรฐานความแรงจาก MotoGP

2026 Panigale V4 R มอเตอร์ไซค์ตัวท็อปจาก Ducati ที่ยกเครื่องใหม่ทั้งด้านสมรรถนะและงานออกแบบ ครั้งนี้ไม่ใช่การอัปเดตเล็กๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำเอาความรู้จากสนามแข่ง MotoGP มาปรับใช้จริงในรถที่คนทั่วไปสามารถจับต้องได้
สิ่งแรกที่แฟนๆ Ducati จะสังเกตได้ก็คือโครงสร้างแชสซีส์และสวิงอาร์มที่ถูกปรับใหม่ทั้งหมด โดยจากเดิมที่ใช้สวิงอาร์มแบบแขนเดี่ยว อันเป็นเอกลักษณ์ของค่าย ตอนนี้กลายมาเป็น Hollow Symmetrical Swingarm ที่ทั้งแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ 2026 Panigale V4 R ควบคุมได้อย่างมั่นใจในทุกโค้ง แม้จะเอียงเข้าสุดขอบยางก็ตาม
ด้านสมรรถนะ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 ที่ยังคงเป็นหัวใจหลัก กับขนาดความจุ 998 ซีซี แต่ถูกปรับรายละเอียดหลายอย่าง ทั้งเพลาลูกเบี้ยว ลูกสูบ และระบบไอดีใหม่ เพื่อรีดพลังออกมาได้เต็มที่ กำลังสูงสุดอยู่ที่ 160.3 กิโลวัตต์ (ประมาณ 217 แรงม้า) ที่ 15,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 114.5 นิวตันเมตร ที่ 12,000 รอบต่อนาที ที่สำคัญรอบกลางถูกจูนให้ตอบสนองดีขึ้นกว่าเดิม เหมาะทั้งการใช้งานจริงและการลงสนามแข่ง
ตัวรถยังมีการติดตั้งกับท่อไอเสีย Akrapovic พร้อมแมปเครื่องยนต์สำหรับใช้งานในสนามแข่ง สามารถดันกำลังขึ้นไปแตะ 238 แรงม้า และเมื่อจับคู่กับน้ำมันเครื่อง Shell สูตรพิเศษ จะปลดล็อกพลังได้ถึง 240 แรงม้าเลยทีเดียว ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ราว 330 กม./ชม. บนสนาม ซึ่งถือว่าน่าทึ่งสำหรับรถที่ยังถูกจัดอยู่ในหมวด “รถใช้งานบนถนนแบบถูกกฎหมาย”
ในด้านอากาศพลศาสตร์ Ducati ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะได้ปีกอากาศพลศาสตร์ขนาดใหญ่และรูด้านข้างแฟริ่งที่ช่วยจัดการการไหลของอากาศรอบ ๆ ตัวรถ เป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถแข่ง MotoGP เพื่อสร้างเพื่อสร้างแรงกด (Downforce) ให้รถยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น เวลารถเอียงในโค้ง ผลลัพธ์คือการยึดเกาะที่มั่นคงขึ้นโดยไม่เสียความเร็วปลาย นี่คือหนึ่งในจุดที่ทำให้รุ่นใหม่นี้ก้าวไปไกลกว่ารุ่นเดิม
ระบบกันสะเทือนก็อัปเกรดใหม่ ใส่โช้ค Ohlins ตัวท็อป ปรับตั้งความละเอียดได้เต็มรูปแบบ เบรกเป็นของ Brembo GP4 พร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ที่อัปเกรดได้ตามใจคนซิ่ง ส่วนระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ครบทั้ง ABS ควบคุมการยึดเกาะ ระบบป้องกันล้อหน้ายก และที่พิเศษคือการใช้ซอฟต์แวร์ Ducati Vehicle Observer (DVO) ที่อ่านค่าจากเซ็นเซอร์กว่า 70 จุด เพื่อช่วยให้การตัดสินใจของระบบอิเล็กทรอนิกส์ฉลาดขึ้น
แน่นอนว่าความแรงและเทคโนโลยีระดับนี้ก็มาพร้อมราคาที่สูงไม่แพ้กัน ราคาค่าตัวเริ่มต้นในยุโรปอยู่ที่ราวๆ 1.7 ล้านบาทไทย (ยังไม่รวมภาษีและค่าขนส่ง) แต่ถ้าใครอยากจัดเต็มกับออปชันเสริม ทั้งท่อไทเทเนียม ล้อคาร์บอน หรือชุดเบรกพรีเมียม ราคาพุ่งไปเกิน 2.7 ล้านบาทแน่นอน
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารยานยนต์ในรถใหม่ได้ที่ Motorcycle Magazine