เส้นบรรจบของ “2 ตำนาน” กับจำนวนผลิตแค่ 630 คัน
เมื่อเส้นทางของ 2 ตำนานจาก “อิตาลี” มาบรรจบกัน ก็ได้ฤกษ์ที่ Ducati จะผนึกกำลังร่วมกับแบรนด์ “ซูเปอร์คาร์” ชื่อก้องโลกอย่าง Lamborghini เปิดตัวรถ Ducati Diavel 1260 Lamborghini รถรุ่นพิเศษ (Special Edition) ที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจาก 2020 Lamborghini Sian FKP 37 บทสรุปของเรื่องราว “ความหรูหรา” และ“ความแรง” เข้าไว้อย่างลงตัว
โดยตัวรถพิเศษนี้จะถูกปรับแต่งจาก Ducati Diavel 1260S ที่ได้รับการเสริมชุดแต่งที่มีดีไซน์เฉพาะตัว เน้นวัสดุชิ้นงาน “คาร์บอนไฟเบอร์” ที่เน้นส่วนของบอดี้ที่ช่องโพรงดักอากาศ, ชิ้นส่วนของฝาครอบหม้อน้ำ, บังโคลนหน้า, ซับบังโคลนท้าย, การ์ดครอบถังน้ำมัน และไม่ลืมเจียระไนโลโกกระทิงดุ Lamborghini ไว้ข้างชื่อรุ่น Diavel 1260, การ์ดครอบท่อไอเสีย และคิ้วของโคมไฟหน้า ซึ่งมันสวยเด่น ดูร้ายกาจและมีรสนิยมแบบอย่างงานอาร์ตของศิลปินชั้นครู
โทนสีดูจะเป็นไฮไลต์ที่เตะตา ซึ่ง Ducati Diavel 1260 ได้แรงบันดาลใจจาก 2020 Lamborghini Sian FKP 37 ด้วยตัวถัง “สีเขียวทอง” (Greenish-gold) ตัดกับ “เฟรมสีทอง” (Electrum Gold) แมตช์กับโช้คอัพหัวกลับสีทองจากแบรนด์ Öhlins ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ออกแบบเฉพาะลายเดียวกับ Lamborghini Sian FKP 37 และเพื่อเป็นการบ่งชี้ว่ามันพิเศษ มีนัมเบอร์ “63” ที่ด้านข้างของปีกหม้อน้ำ มันให้ความหมายถึงปีที่ก่อกำเนิดของแบรนด์ Lamborghini ครั้งแรกของโลกเมื่อปี 1963 และจำนวนที่ผลิตของรถรุ่น Lamborghini Sian FKP 37 และความพิเศษนี้ยังรวมถึงงานสีที่ส่งมอบเข้าชุดด้วยหมวกกันน็อกที่เข้าคู่กันด้วย
มาดูด้านขุมพลังและเทคโนโลยีที่ถูกยกมาจาก Ducati Diavel 1260 S ทุกรายการ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ Testastretta DVT L-Twin 2 สูบ 4 วาล์ว ความจุ 1,262 ซี.ซี. ให้แรงม้าสูงสุดที่ 162 แรงม้า (แรงบิด 129 นิวตันเมตร) ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์แบบ 6 สปีด ส่วนระบบช่วงล่างก็ต้องจัดเต็ม ด้วยชุด Öhlins ที่สามารถปรับตั้งค่าได้, สวิงอาร์มแบบขาเดียว, พร้อมระบบเบรกคุณภาพจาก Brembo, ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากมาย อาทิQuick Shifter, Cornering ABS EVO, Ducati Traction Control, Ducati Wheelie Control EVO, Ducati Power Lunce EVO, เรือนไมล์จอดิจิทัล 3.5 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อผ่านสมาร์ตโฟน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 630 คัน โดย Ducati Diavel 1260 Lamborghini กำหนดเริ่มวางจำหน่ายต้นปี 2021 โดยเริ่มที่อิตาลีก่อน ในราคาค่าตัวที่ 31,995 $ (1,120,000 บาท/ไม่รวมภาษี) ตามด้วยทวีปอเมริกาและแคนาดา ในราคาค่าตัวที่ 34,990 $(1,220,000 บาท/ไม่รวมภาษี) บ้านเราและเอเชียอาจต้องรอถึงปลายเดือนมีนาคม
