REVOLUTION MAX
ส่องถึงราก กระชากถึงกึ๋น 21 ดีลลับของ “รีโว-แม็กซ์”
เหมือนจะใหม่ ทว่า มีเชื้อมาร่วม“2 ทศวรรษ” แล้ว ถ้าย้อนปมไปหาความเป็น REVOLUTION คุ้นๆ ไหม กับเครื่องยนต์แบบ V-Twin “ชักสั้น” วางทำมุม 60 องศา ที่เป็นผลงานร่วมกัยสร้างสรรค์ของ 2 กุนซือสายยานยนต์ Harley-Davidson และ Porche Design…ใช่เลย!!! มโนเก่ากำลังถูกปรับชัด เมื่อเรานำกลับมาตีแผ่ ส่องกันให้ “ถึงราก” กระชากกันให้ “ถึงกึ๋น” กับ 21 “ดีลลับ” ภายใต้ขุมพลังเครื่องทรงใหม่ในนาม REVOLUTUON MAX
ดีลที่ 1 : เครื่องยนต์ REVOLUTUON MAX 1250 เป็นเครื่องยนต์แบบวีทวิน 60 องศา ที่เคยได้รับการติดตั้งในรถรุ่นก่อนหน้าคือ V-Rod ที่ผลิตออกจำหน่ายในปี 2001-2017 ซึ่งถือเป็นผลงานร่วมพัฒนากับ Porsche ซึ่งปัจจุบันก็ยังร่วมกันสร้างสรรค์อยู่ ทว่า มีการปรับ ซี.ซี. ลงมา และติดตั้งในรถครุยเซอร์ขนาดกลางรุ่น Street 500/ 750
ดีลที่ 2 : เครื่องยนต์ที่มีจุดเด่นที่ช่วง “ชักสั้น” เพียง 72 มม. กับขนาดกระบอกสูบที่ 105 มม. ซึ่งคำนวนเป็นปริมตารกระบอกสูบที่ 1,247 ซี.ซี.
ดีลที่ 3 : เครื่องยนต์มีรอบการทำงานสูงสุดที่ 9,500 รอบ/ นาที ทว่า ให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 150 แรงม้า ส่วนแรงบิดเคลมไว้ที่ 94 ฟุต/ ปอนด์
ดีลที่ 4 : เครื่องยนต์แบบ V-Twin 60 องศา ใช้ชุดควบคุมการจ่ายเชื้อเพลิงแบบปีกผีเสื้อคู่ ส่งตรงน้ำมันแบบสูบใคร สูบมัน แตกต่างจาก V-Twin 45 องศา ขุมพลังส่วนใหญ่ที่เป็นแบบแบบเดี่ยว
ดีลที่ 5 : กล่องอากาศความจุขนาด 11 ลิตร สามารถปรับเปลี่ยนและทำความสะอาดได้ง่ายๆ
ดีลที่ 6 : Revolution Max 1250 เลือกระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพเรื่องระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการปล่อยมลพิษลง ส่วนอ่างน้ำมันเครื่องยนต์เป็นแบบอ่างเปียก ระบายความร้อนด้วยของเหลวเพื่อควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น
ดีลที่ 7 : ห้องเครื่องยนต์มีปั๊มน้ำมันเครื่องถึง 3 ตัว ในรอบความดันที่ต่ำกว่า 70 psi น้ำมันส่วนเกินจะถูกดูดออก เพื่อเป็นการลดภาระแรงต้านของการทำงานของชุดลูกปืนและเพลาข้อเหวี่ยง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อิสระมากขึ้น
ดีลที่ 8 : ก้านสูบออฟเซททำมุม 30 องศาของ Revolution Max 1250 แต่มีการจุดระเบิดที่ 90 องศา จึงช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ราบเรียบ แม้ในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำสำหรับเส้นทางแบบออฟโรด
ดีลที่ 9 : Revolution Max 1250 ใช้รูปแบบการทำงานของเครื่องยนต์แบบ DOHC 4 แคมป์ชาร์ฟ 4 วาล์ว/ สูบ 2 หัวเทียน เพื่อการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบ
ดีลที่ 10 : แคมชาร์ฟแต่ละตัวทำงานเหลื่อมเวลากัน ควบคุมการทำงานด้วยกล่องอิเลคทรอนิค ช่วยให้พละเครื่องยนต์ทำงานอย่างต่อเนื่อง เต็มประสิทธิภาพ
ดีลที่ 11 : วาล์วของ Revolution Max 1250 เป็นแบบไฮดรอกลิก ไม่ต้องมีการปรับตั้งใดๆ ระบบจะปรับตั้งเองโดยอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิในเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลง
ดีลที่ 12 : ฝาสูบ ฝาครอบวาล์ว รวมถึงฝาครอบชุดขับเคลื่อนหน้า มีส่วนผสมของ “แมกนีเซี่ยม” ช่วยให้ภาพรวมของเครื่องยนต์มีน้ำหนักที่เบาลง
ดีลที่ 13 : ส่วนของเครื่องยนต์ทำจากอะลูมิเนียมหล่อ เคลือบด้วยสารกันความร้อน เมื่อยึดเข้ากับเฟรม มันมีความยืดหยุ่นและไม่ส่งความร้อนสู่เฟรมหลัก
ดีลที่ 14 : กระบอกสูบของ Revolution Max 1250 หล่อขึ้นจากอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว ช่องโพร่งและการขุดเจาะส่วนต่างๆ ถูกเคลือบด้วยสาร “นิกเกิล ซิลืกอน คาร์บานด์” Nickel Silicon Carbide (CODIAC) ที่ทนต่อความร้อนสูง
ดีลที่ 15 : อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 13:1 ลูกสูบของ Revolution Max จึงเป็นแบบอะลูมินั่มฟอร์ซ เคลือบด้วยสารที่ต้านการเสียดทาน แหวนลูกสูบมีความตึงตัวต่ำ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษใดๆ จึงช่วยให้สามารถบำรุงรักษาได้ง่าย
ดีลที่ 16 : Revolution Max ใช้ชุดบาลานซ์เซอร์ 2 ตัว เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานที่ราบเรียบ ตัวแรกเพื่อควบคุมการสั่นไหวของชุดเพลาข้อเหวี่ยง และก้านสูบ ตัวที่สองอยู่ระหว่างแคมชาร์ฟและด้านหน้าของฝาสูบ ช่วยปรับสมดุลย์รวม เก็บตกความสันไหวส่วนที่เหลือเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน
ดีลที่ 17 : Revolution Max คือส่วนหนึ่งของเฟรม มันมีจุดยึดเชื่อมต่อกันทั้ง 3 ส่วนคือ ส่วนหน้า กลาง และ ท้าย มันจึงแข็งแกร่งและประสานการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพเพื่อผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
ดีลที่ 18 : Revolution Max ขับเคบื่อนด้วยชุดเกียร์แบบ 6 สปีด ลูกปืนชุดเกียร์มีความแข็งแกร่งและเคลือบด้วยสารหล่อลื่นเทฟลอน
ดีลที่ 19 : คลัตช์แบบสายเคเบิล มีสลิปเปอร์กันแรงตก กับแผ่นคลัชต์ที่ออกแบบมาใช้แบบ 8 แผ่น
ดีลที่ 20 : สเปคโรงงานแจ้งว่าต้องใช้น้ำมันเช้อเพลิงที่มีค่าออกเทนมากกว่า 91 ทว่า ก็สามารถใช้ต่ำกว่าได้ เพราะกล่อง ECU ปรับตั้งมาแบบบที่สามารถยืดหยุ่นได้
ดีลที่ 21 : นี่คือความมุ่งมั่นที่ Alex Bozmosk หัวหน้าวิศวกรของ Harley-Davidson กล่าวถึง Revolution Max 1250 ของเขาว่า “จากประวัติศาสตร์ Harley-Davidson ได้นำเอาวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีมาผสมเข้ากับมรดกความเป็นวัฒนธรรมของแบรนด์ ผลลัพธ์คือ เครื่องยนต์ที่ให้ประสิทธิภาพสำหรับผู้ขับขี่ Revolution Max 1250 คือความภูมิใจของงานออกแบบขั้นสูง ที่พร้อมขับเคลื่อน Pan America ไปสู่ประสบการณ์ใหม่ ด้วยความน่าเชื่อถือ เต็มประสิทธิภาพ และสร้างประสบการร์ที่น่าตื่นเต้น”