ฮอนด้ายังคงเดินหน้าปรับโฉมรถตระกูล CB อย่างต่อเนื่อง และรอบนี้ถึงคิวของ Honda CB125R รุ่นพื้นฐาน ที่ถูกเพิ่มสีใหม่สำหรับปี 2026 ซึ่งก็ถือว่าโดนใจสายเนคเก็ตไลต์เวทไม่น้อย เพราะดีไซน์เดิมที่ดูเฉียบอยู่แล้ว ถูกเสริมด้วยโทนสีใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้นกว่าเดิม
ในปีที่ผ่านมาฮอนด้าได้ทยอยปรับลุคให้กับรถหลายรุ่นในไลน์ CB ทั้ง CB650R, CB500 Hornet, และ CB750 Hornet ที่เพิ่งได้รับสีใหม่และเทคโนโลยี Honda E-Clutch ไปก่อนหน้านี้ ส่วน 2026 Honda CB125R ก็ไม่พลาดที่จะตามรอยด้วยชุดสีใหม่ทั้งหมด 4 สี ได้แก่
• สีเทาด้าน Matt Rock Gray
• สีเงินเมทัลลิก Matt Lucent Silver Metallic
• สีน้ำเงินเมทัลลิก Zefiro Blue Metallic
• สีแดงด้าน Matt Pearl Diaspro Red
ซึ่งทั้ง 4 สีนี้เป็นแบบใหม่หมดจด ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการรีเฟรชรุ่นได้ดีโดยไม่ต้องปรับโฉมใหญ่ แต่ยังเพิ่มความสดใหม่ให้รถได้เยอะมาก
ด้านเครื่องยนต์ยังคงใช้บล็อกสูบเดี่ยว ระบายความร้อนด้วยของเหลวเหมือนเดิม แต่ผ่านการอัปเกรดมาตั้งแต่ปี 2021 และถูกปรับจูนให้ผ่านมาตรฐาน Euro5+ ในปี 2024 ทำให้รุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในรถคลาส 125 ซีซี ที่ “สะอาดและประหยัด” ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้ ขุมพลังให้แรงม้า 14.7 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที และแรงบิด 11.6 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที ถือว่าเพียงพอสำหรับใช้งานในเมือง และเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่อยากลองรถเนคเก็ตเบาๆ
ฟีเจอร์ช่วงล่างยังคงความเป็นรถเล็กคุณภาพดี ด้วยโช้คหน้าแบบหัวกลับของ Showa SFF-BP ขนาด 41 มม. ซึ่งเป็นของดีที่ไม่ค่อยเห็นในคลาสนี้ ด้านหลังเป็นโช้คเดี่ยวแบบปรับไม่ได้ ตัวเบรกใช้ดิสก์เบรกหน้าแบบลอยตัว 296 มม. พร้อมคาลิปเปอร์เรเดียล 4 พอร์ต จาก Nissin ส่วนดิสก์เบรกหลัง 220 มม. ทำงานร่วมกับ ABS แบบ 2 ช่องสัญญาณเหมือนเดิม
แม้จะเป็นรถเนคเก็ตขนาดเล็ก แต่ CB125R ก็ยังให้ไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED เต็มระบบ พร้อมจอแสดงผลแบบสีชนิด TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่ดูทันสมัยมากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน ระยะฐานล้ออยู่ที่ 1,345 มม. ความสูงเบาะ 816 มม. จัดว่านั่งคร่อมไม่ยาก น้ำหนักรวมอยู่ 130 กก. ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย
โดยรวมแล้ว CB125R รุ่นปรับโฉม 2026 ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับมือใหม่หรือคนที่อยากได้รถเนคเก็ตน้ำหนักเบา ดีไซน์หล่อ ฟีเจอร์ครบ และสีใหม่ ทุกอย่างที่อัปเดตมาล่าสุด ทำให้รุ่นนี้ยิ่งคุ้มค่าน่าจับจองกว่าเดิมเยอะ
ข้อมูลสเปกของ Honda CB125R โมเดลปี 2026
| เครื่องยนต์: | 129 ซีซี จังหวะ, 4 วาล์ว, DOHC, 1 สูบ, ระบายความร้อนด้วยน้ำ |
| กระบอกสูบ x ช่วงชัก: | 57.3 มม. x 48.4 มม |
| อัตราส่วนกำลังอัด: | 12.8:1 |
| ระบบส่งกำลัง/เฟืองท้าย: | โซ่ |
| แรงม้า: | 14.7 แรงม้า ที่ 10,000 รอบ/นาที |
| แรงบิด: | 11.6 นิวตันเมตร ที่ 8,000 รอบ/นาที |
| ระบบเชื้อเพลิง: | หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ PGM-FI |
| คลัตช์: | คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่น พร้อมระบบ Assist Slipper Clutch |
| เฟรม: | Diamond steel frame |
| ระบบกันสะเทือนหน้า: | โช้คหัวกลับ USD ขนาด 43 มม. Showa Separate Function Fork Big Piston |
| ระบบกันสะเทือนหลัง: | โช้คเดี่ยว |
| เบรคหน้า: | 4 ลูกสูบ ดิสก์เบรกเดี่ยว 296 มม. พร้อม ABS |
| เบรคหลัง: | 1 ลูกสูบ ดิสก์เบรกเดี่ยว 220 มม. พร้อม ABS |
| ล้อหน้า/หลัง : | ล้ออัลลอย |
| ยางหน้า/หลัง: | 110/70 R17 , 150/60 R17 |
| Rake/Trail: | 24.2° / 90.2 มม. |
| ฐานล้อยาว: | 1,345 มม. |
| ความสูงจากพื้น: | 140 มม. |
| ความสูงที่นั่ง: | 816 มม. |
| ความจุเชื้อเพลิง: | 10.1 ลิตร |
| น้ำหนัก (เปียก): | 130 กิโลกรัม |
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารยานยนต์ในรถใหม่ได้ที่ Motorcycle Magazine
