สยายปีก “อีไบค์” นวัตกรรมที่ต้องได้ลอง…ก่อนตาย!!!
พวกเรา…ใกล้จะเดินทางมาถึงยุคที่เชื้อเพลิงสันดาปภายในกำลังจะหมดไปจากโลกใบนี้ มันเร็วชนิดที่เราเองยังตั้งตัวไม่ทัน ผมยังชอบเครื่องยนต์ที่จุดระเบิดด้วยเชื้อเพลิงส่วนผสมของน้ำมันเบนซิน ทว่า เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่แห่งโลกอนาคต…ไม่ซิ!!! มันเป็นเทคโนโลยีของปัจจุบันไปแล้ว แปลกๆ ไปบ้างในตอนที่เดินทางด้วยพาหนะชนิดใหม่นี้ แต่หากคุณเปิดใจรับ ผมว่ามันก็ดูจะเข้าที ถึงวันนี้ผมมีความคิดที่ต่างออกไปเกี่ยวกับรถ “พลังงานมอเตอร์ไฟฟ้า” โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ที่ผสมผสานความชาญฉลาดของ AI เข้ามา บางคันสร้างขึ้นจากวัสดุพิเศษผ่านเครื่องปริ๊นท์ 3D และเรามีโอกาสได้เห็นแบรนด์การค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นในวงการรถจักรยานยนต์ นี่จึงเป็นเรื่องตื่นเต้นที่ทีมงานของเราได้รวบรวมมานำเสนอ ถึงแม้ว่ามันอาจจะยังไม่โดนจริตคุณในวันนี้ แต่ผมเชื่อว่า…คุณจะไม่มีทางหนีห่างออกจากมันได้…ในที่สุด!!!
The Cake Kalk
เปิดราคาได้เร้าใจที่ 13,000 $ (390,000 บาท) นี่คือ Cake Kalk แบรนด์ผู้ผลิตใหม่จาก “สวีเดน” รถออฟโรดที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของรถจักรยานยนต์เมาเท่นไบค์และจักรยานยนต์แบบโมโตครอสเข้าด้วยกัน และยังคงได้พันธมิตรร่วมชาติอย่าง Ohlins เข้ามาร่วมวางสเป็กของระบบช่วงล่างให้ เสมือนเป็นการส่งสารสู่โลกภายนอกว่านี่คือ “ของดีสวีเดน” Cake Kalk ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่เทียบเป็นแรงบิดได้ที่ 31 ฟุต/ปอนด์ บนน้ำหนักตัวรวมที่ 152 ปอนด์ พร้อมโหมดการขับขี่สนุกๆ ที่เลือกปรับได้ 3 โหมด ซึ่งรับประกันได้ว่า มันจะช่วยให้รูปการเดินทางแบบเอ็กซ์ตรีมของคุณนั้นไม่จำเจ
Saroles Manx7
นี่คือรถซูเปอร์ไบค์พลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง ชื่อของ Saroles นั้น ไม่ได้เพิ่งเกิด นี่คือตำนานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดของเบลเยียม ที่เริ่มสร้างผลงานครั้งแรกในปี 1850 ทว่า การรีแบรนด์กลับมาอีกครั้ง ภายใต้ลิขสิทธิ์ของพี่น้องฝาแฝด Torsten และ Bjorn Robbens ที่คืนชีพในปี 2010 และพัฒนาจักรยานยนต์ของพวกเขา Manx7 เกิดขึ้นภายใต้แบบการผลิตรุ่น SP7 รถไฟฟ้ารุ่นที่ Dean Harrison ที่ประสบความสำเร็จในอันดับที่ 4 รายการ Zero TT เมื่อปี 2017 และเพราะ Saroles Manx7 คือรถแข่ง และผลิตจากจากวัสดุพิเศษทั้งหมด ตัวถังแบบโมโนค็อก สวิงอาร์ม ล้อ วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงแมตทีเรียลเกรดแอโร่สเปซ มันจึงมีราคาที่สูงมากๆ ขุมพลังขนาด 163 แรงม้า บนแรงบิดขนาด 332 ฟุต/ปอนด์ และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 205 ไมล์/ชม. (330 กม./ชม.) และคาดว่า Manx7 จะทำการผลิตตามสั่งเพียง 49 คันเท่านั้น
THE E-Confrederate Curtiss Zeus
จะเรียกว่านี่คือ E-Bike คันที่มีเทคโนโลยีสูงที่สุดยุคปัจจุบันนี้ก็ย่อมได้ เพราะชื่อของ Confrederate คือจุดจบของความ “เป็นที่สุด” ในทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว การกลับมาหนนี้ในลุคของรถ E-Bike ที่ได้แรงบันดาลใจจากแบบการผลิตรถจักรยานยนต์ของ Glenn Curtiss ในปี 1903 และ Confrederate ก็ภูมิใจที่จะใส่ชื่อของ Curtiss เพื่อเป็นการให้เกียรติผลงานของเขาอีกด้วย ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ที่เรียกว่า ICE-Powered ระดับไฮเพอร์ฟอร์มานซ์สามารถให้พลังงานสูงสุดถึง 190 แรงม้า บนแรงบิดขนาดมหาศาลที่ 332 ฟุต/ปอนด์ ด้วยหน้าตาแบบที่เป็นส่วนผสมของรถ Bobber และ Café (แต่ไม่ใช่ Café Racer) Curtiss Zeus ย่อมไม่ใช่ E-Bike ธรรมดาๆ แบบที่ใครจะหามาครอบครองได้ ต้องเป็นลูกค้าในแบบ Super VIP. เท่านั้น เพราะแม้ถึงจะไม่เผยราคาของ E-Bike ออกมาให้เห็น ก็เชื่อได้ว่า มันจะแพงในแบบที่คุณต้องร้องเลยทีเดียว
Energica Ego
2019 ถือเป็นปีทองของรถจักรยานยนต์ E-Bike จริงๆ เมื่อ FIM ได้บรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรายการแข่งขันที่เรียกว่า MotoE ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นรูปแบบการแข่งขันที่เก็บคะแนนตลอดทั้งปี เพื่อเฟ้นหา “แชมป์โลก” คนแรกภายใต้เครื่องยนต์แบบมอเตอร์ไฟฟ้า หนึ่งในจำนวนนั้นคือ โรงงานผลิตรถแข่งชั้นดีจากอิตาลี คือ Energica ที่ผลิตรถแข่งในชื่อรุ่น Ego เพื่อลงทำการแข่งขัน โดยให้ทัศนะว่า รถคันนี้มาพร้อมขุมพลังที่เทียบเท่ากับ 145 แรงม้า บนแรงบิดขนาด 144 ฟุต/ปอนด์ ที่ถือเป็นกำลังขนาดมาตรฐานออกห้าง ซึ่งสามารถปรับแต่งให้แรงขึ้นได้อีก ถึงแม้ว่า Energica Ego จะแรง ทว่า ก็ยังไม่มีรายงานว่ามันประสบความสำเร็จกับการแข่งขันรายการใด บางทีคงเป็นเรื่องของเวลา และรอวันที่จะมีนักแข่งดีๆ เข้ามาร่วมทีม ก็ไม่แน่ว่าเราอาจได้เห็น Rossi กระทั่ง Gibernau ลงคร่อมเจ้า Energica Ego สักวันก็เป็นได้
KTM Freeride E-XC
ลุยไปต่อ ไม่ต้องรอใครแล้วนะ ในที่สุดก็เป็นคิวของโรงงานรถออฟโรดของ KTM ที่จะคลอดรถวิบากในแบรนด์ของตัวเอง ที่ตกลงปลงใจใช้ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าระบบ ICE-Powered บนรถจักรยานยนต์ขนาด 250 ซี.ซี. โครงสร้างเฟรมแบบอะลูมิเนียมหล่อ และเคลมว่าสามารถให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 24 แรงม้า ส่วนแรงบิดเคลมไว้ที่ 31 ฟุต/ปอนด์ Freeride E-XC สามารถชาร์จไฟผ่านอแด็ปเตอร์ร่วมกับไฟบ้าน และแบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟใหม่ได้ราว 700 ครั้ง และการชาร์จความจุ 80% ใช้เวลาราว 50 นาที เท่านั้น ทั้งนี้ยังมีแผนที่จะผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในแบบ “เอ็นดูโร่” และ “ไทรอัล” ออกมาในเวลาอันใกล้นี้ด้วย