2026 Yamaha R7 อัปเกรดใหญ่! เพิ่มเทคโนโลยี เฟรมใหม่ เบา คล่องตัว

ปี 2026 ดูจะเป็นปีทองของสายสปอร์ตไบค์จริงๆ เพราะ Yamaha R7 มาพร้อมการอัปเกรดครั้งใหญ่ทั้งเทคโนโลยีและโครงสร้าง เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากสปอร์ตไบค์ระดับกลาง ให้กลายเป็นมินิซูเปอร์สปอร์ตที่พร้อมลงสนามได้มากกว่าเดิม และยังคงคาแรกเตอร์ที่ขี่ง่ายแต่ขับสนุกในแบบฉบับยามาฮ่าไว้ครบถ้วน

2026 Yamaha R7 ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ต่อจากความสำเร็จของ Yamaha R9 ที่เปิดตัวในปี 2025 และประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลก โดยยามาฮ่าจัดเต็มทั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ เฟรม และดีไซน์การขับขี่ที่ถูกปรับให้ลงตัวกว่าเดิม
เริ่มกันที่ไฮไลต์เด็ดของรุ่นนี้ ด้วยระบบ IMU 6 แกน ที่ยกมาจากรุ่นพี่ R1 โดยตรง ถือเป็นครั้งแรกที่ R7 ได้รับเทคโนโลยีระดับนี้ ซึ่งช่วยให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ทำงานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทั้งระบบ Traction Control ป้องกันล้อหมุนฟรี, Slide Control ป้องกันการลื่นไถล, Wheelie Control ควบคุมการยกของล้อหน้า และ Brake Control สำหรับปรับสมดุลตอนเบรกแรงๆ นอกจากนี้ยังมีระบบ Engine Brake Management (EBM) ที่สามารถปรับได้สองระดับ ช่วยให้การเข้าโค้งหรือลดเกียร์ทำได้เนียนและคุมจังหวะได้ดีขึ้น
สำหรับสายแข่งก็ต้องถูกใจสิ่งนี้ เพราะ R7 ใหม่ ยังมาพร้อม Launch Control ที่ช่วยให้การออกตัวในสนามทำได้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากลองพาเจ้าสปอร์ตขนาดกลางคันนี้ไปปล่อยของในแทร็ก

อีกหนึ่งของใหม่ คือ ระบบ Yamaha Chip Controlled Throttle (Y-CCT) หรือคันเร่งไฟฟ้ารุ่นล่าสุดที่เปิดตัวครั้งแรกใน R6 และตอนนี้ใน R7 ก็มีการติดตั้งด้วยเช่นกัน ช่วยให้การตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นธรรมชาติและควบคุมได้ละเอียดตามใจสั่ง พร้อมโหมดขับขี่ให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่ Sport, Street และ Rain รวมถึงโหมดปรับแต่งเองอีก 2 แบบผ่านแอป MyRide ซึ่งสามารถเซ็ตทุกอย่างได้ผ่านสมาร์ตโฟน
ในด้านโครงสร้างและการขับขี่ ก็มีการปรับปรุงใหม่แบบจัดเต็ม โครงเฟรมได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยยังคงน้ำหนักรวมเท่าเดิม แต่ปรับความหนา เส้นผ่านศูนย์กลาง และจุดยึดต่างๆ ให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความสมดุล ยามาฮ่าระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ R7 มึความคล่องตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งเร็วๆ
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าใช้ โช้คหัวกลับขนาด 41 มม. จาก KYB ที่ตอนนี้เปลี่ยนวัสดุก้านสูบจากเหล็กเป็นอะลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักลดลงกว่า 350 กรัม พร้อมความสามารถในการปรับพรีโหลด รีบาวด์ และคอมเพรสชันได้เต็มรูปแบบ ส่วนล้อก็เปลี่ยนเป็น ล้อ SpinForged น้ำหนักเบาแบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น R1 เป็นการลดในด้านของน้ำหนักที่เห็นผลได้อย่างชัดเจน

ตำแหน่งท่วงท่านั่งในการขับขี่ก็ได้รับการออกแบบใหม่หมด เบาะนั่งลดความสูงลง 5 มม. (จาก 835 เป็น 830 มม.) เพื่อให้เท้าสัมผัสพื้นได้ง่ายขึ้น และแฮนด์ที่ออกแบบใหม่ช่วยให้ขยับร่างกายระหว่างโค้งได้คล่องกว่าเดิม ถังน้ำมันยังถูกปรับรูปทรงเพื่อให้ผู้ขี่สามารถขยับตัวหน้า-หลังได้อย่างอิสระมากขึ้น โดยรวมแล้ว R7 ใหม่ ให้ฟีลการขี่ที่ใกล้เคียงกับ R9 และ R1 มากขึ้นอย่างชัดเจน
ส่วนขุมพลังยังคงใช้เครื่องยนต์ CP2 ขนาด 689 ซีซี 2 สูบเรียง ที่หลายคนหลงรักในความนุ่มแต่แรง พร้อมพละกำลัง 74 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที และแรงบิด 67 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที แม้จะไม่ใช่ตัวเลขสูงสุดในคลาส แต่การส่งกำลังของเครื่อง CP2 ยังถือว่าให้ฟีลลิ่งการขี่ที่สนุกและคุมง่ายสุดๆ

ทางแบรนด์ยังใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเข้ามา เช่น สวิตช์เกียร์ดีไซน์ใหม่, ระบบไฟเลี้ยวตัดอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และสัญญาณไฟเบรกฉุกเฉิน (Emergency Stop Signal) เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่มีมาให้ครบครัน
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารยานยนต์ในรถใหม่ได้ที่ Motorcycle Magazine




