Honda CB 1300 เป็นอีกหนึ่งโมเดลในทำเนียบรถบิ๊กไบค์ยอดนิยมของเมืองไทยรวมไปถึงทั่วโลก ด้วยความโดดเด่นจากรูปทรงสไตล์เน็กเก็ตแบบเปลือยอกอันเป็นอมตะ กับเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกบล็อกหนึ่งซึ่งค่ายปีกนกพัฒนาออกมา จนที่สุดพาให้ชื่อของมันขึ้นชั้นเป็นรถที่สมบูรณ์แบบในประวัติศาสตร์
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มของวิวัฒนาการขุมกำลังพื้นฐานแบบ 4 สูบแถวเรียง ภายใต้รหัส CB ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นทำการพัฒนามาต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ สร้างความประทับใจ และความเชื่อถือให้ผู้ใช้ทั่วโลกด้วยหลากหลายโมเดล แถมส่งสร้างชื่อในเซอร์กิตด้วยการคว้าแชมป์เหนือคู่แข่ง เป็นผลงานที่ต้องจดจำจากการคุมคันเร่งของมือบิดจอมเก๋า เฟรดดี้ สเปนเซอร์ บนรถแข่งรหัส CB750F
จนกระทั่งผ่านถึงช่วงราวปี 1992 ประวัติศาสตร์วงการสองล้อโลกก็ต้องบันทึกเรื่องราวของอีกหนึ่งสายพันธุ์แรงภายใต้รหัส Project BIG1 ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการพัฒนาเน็กเก็ตไบค์ที่ดีที่สุดก็ว่าได้…จากเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้คอนเซ็ปต์เดิมของตระกูล CB มันถูกอัพความจุกระบอกสูบขึ้นมาเป็นไซส์ 1 ลิตร เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะที่ทั่วโลกยอมรับ และเป็นโมเดลสร้างชื่อให้ต้นสังกัดอย่างสวยงาม
ที่สุดเมื่อประสบการณ์สั่งสมจนถึงขีดสุด ผนวกกับความมุ่งมั่นของทีมวิจัยของฮอนด้าซึ่งไม่เคยหยุดการค้นคว้าพัฒนา ในราวเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1998 ฮอนด้ามอเตอร์ ในกรุงโตเกียว ก็สร้างความตื่นตะลึงให้ตลาดมอเตอร์ไซค์โลกอีกครั้งกับการเผยโฉม Honda CB1300 Super Four ด้วยความโดดเด่นรอบตัวตั้งแต่ความสวยงามของงานออกแบบ ไปจนถึงเทคโนโลยีที่เป็นผู้นำซึ่งถูกอัดแน่นมาเต็มตัว กับเป้าหมายเพื่อก้าวไปเป็นผู้นำในตลาดรถเน็กเก็ตไบค์คลาสโอเพ่น…และก็เป็นไปตามที่ตั้งเป้า CB1300 ก้าวขึ้นเป็นรถยอดนิยมในตลาดได้อย่างสวยงาม ซึ่งหลังจากนั้นในทุกรอบปีก็ยังมีการปรับปรุง เพิ่มเติมสีสันและความโดดเด่นเพื่อขยับหนีคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
ผ่านมาถึงในช่วงปี 2003 ทีมวิจัยพัฒนาของฮอนด้า จัดหนักให้กับโปรเจ็กต์ BIG 1 อีกครั้งด้วยการรีโปรดักต์ใหม่หมดตั้งแต่เครื่องยนต์ที่เปลี่ยนการจ่ายเชื้อเพลิงจากคาร์บูเรเตอร์มาเป็นระบบหัวฉีด PGM FI ที่ควบคุมด้วย ECU 32 Bits ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินเรียบ แถมเงียบกว่าเดิม แต่กลับสามารถตอบสนองได้ดีกว่าในทุกย่านความเร็ว และน้ำหนักของเครื่องยนต์ยังถูกลดลงไปอีกถึง 8 กิโลกรัม กับน้ำหนักรวมของตัวรถที่หายไปถึงกว่า 20 กิโลกรัม นอกจากนั้นยังเพิ่มความพิเศษด้วยระบบกันขโมยที่เรียกว่า HISS มาใช้เป็นครั้งแรก…บนมาตรวัดทรงอมตะ มีจอแสดงผลแบบ LCD แสดงค่าระยะทาง Trip1-2 ระยะทางรวม แจ้งอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น วัดอุณหภูมิภายนอก พร้อมด้วยนาฬิกาบอกเวลา และตรวจนับเวลาถอยหลัง แสดงระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของท่อไอเสียออกแบบใหม่เป็นระบบ 4-2-1 มีระบบแปรผัน ให้สุ้มเสียงเสียงนุ่มนวล ตอบสนองดีทุกย่านความเร็ว
เรื่องสนนราคาจากค่ากลางๆ ในตลาดบ้านเราวันนี้ โมเดลปี 1998–2001 ระดับราคาน่าจะอยู่แถวๆ 165,000–185,000 บาท ส่วนรุ่นปีหลังนั้นขึ้นมา ราคาจะขยับขึ้นมาตั้งแต่ 235,000 ไปจนถึงสองแสนปลาย ตามแต่สภาพ…ซึ่งหากนักบิดคนไหนอยากได้ไว้เป็นคู่ขา โชว์รูมบิ๊กไบค์ตลาดเกรย์บ้านเรายังพอหาได้ไม่ยากเย็นนัก
#นิตยสารมอเตอร์ไซค์ #MotorcycleMagazine #Honda #HondaCB1300 #ProjectBig1
