2022 CFMoto 650 Adventura เพิ่มความคุ้มค่าด้วยกระเป๋าข้าง
แม้ว่า CFMoto 650 Adventura จะไม่ค่อยมีสมรรถนะความสามารถในการแข่งขันตัวต่อตัวกับมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่นๆ ในคลาสมิดเดิ้ลเวท แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีคุณภาพหรือคุณสมบัติเด่นอื่นๆ แต่ก็ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นเพื่อดึงดูดนักบิดที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องราคาค่าตัวของ 650 Adventura ก็นั้นคุ้มค่าที่จะเป็นตัวเลือกในการพิจารณาสำหรับนักบิดระดับเริ่มต้นที่เน้นการขับขี่ท่องเที่ยวเป็นหลัก
2022 CFMoto 650 Adventura มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 649 ซีซี 2 สูบเรียง ให้กำลังสูงสุด 60 แรงม้า ที่ 8,750 รอบต่อนาที ทำแรงบิดสูงสุด 56 นิวตันเมตร ที่ 7,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังสู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สลิปเปอร์คลัทช์ ระบายความร้อนด้วยของเหลว จ่ายเชื้อเพลิงดดวยหัวฉีด Bosch EFI ที่สามารถส่งพลังออกมาได้อย่างราบรื่น
ด้านการควบคุม 650 Adventura ใส่ระบบกันสะเทือนหน้าระดับพรีเมียมแบบหัวกลับ USD ปรับค่าความแข็งได้ ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นโมโนโช้คปรับค่าความแข็งและระยะยุบตัวได้ และการควบคุมตัวรถนั้นสามารถคาดหวังได้ในระดับหนึ่งจากมอเตอร์ไซค์ขนาดกลางที่มีความสูงเบาะนั่ง 838 มม. แม้ว่าจะไม่สปอร์ตเท่า CFMoto 650NK ที่มีฐานล้อสั้นกว่าและเบาะนั่งต่ำกว่า
ในขณะที่ระบบห้ามล้อมาพร้อมกับคาลิเปอร์หน้าของ J.Juan แบบ 2 ลูกสูบ จำนวน 2 ตัว พ่วงด้วยดิสก์เบรคคู่หน้าขนาด 300 มม. ส่วนด้านหลังเป็นคาลิเปอร์แบบ 1 ลูกสูบ ทำงานร่วมกับดิสก์เบรคขนาด 240 มม.
ตัวรถมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบสีชนิด TFT ขนาด 5 นิ้ว, ระบบเบรค ABS แบบสองช่องสัญญาณ, ไฟหน้า LED, โหมดขับขี่ Sport และ Eco ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ว่าประสิทธิภาพหรือเน้นประหยัด
นอกจากนี้ยังมีชุดกระเป๋าแข็งด้านข้างขนาดใหญ่และเบาะนั่งขนาดใหญ่เพื่อความสบายในการขับขี่ระยะทางไกล คุณสมบัติที่ดีอื่นๆ น่าสนใจ ได้แก่ ชิลด์บังลมหน้าแบบปรับได้ แฮนด์การ์ดในตัว พอร์ตชาร์จ USB และการ์ดเครื่องยนต์เป็นอุปกรณ์เสริม
โดยรวมแล้ว 2022 CFMoto 650 Adventura ไม่ได้เป็นมอเตอร์ไซค์แนวท่องเที่ยวผจญภัยที่แย่นัก ซึ่งมันไม่ได้มีความประณีตเหมือนมอเตอร์ไซค์จากคู่แข่งในระดับเดียวกันที่อยู่ในตลาดมานานมากกว่า ตัวอย่างเช่น ตำแหน่งที่นั่งตัวตรงไม่จำเป็นต้องมีท่านั่งที่ดูอึดอัดเสมอไปสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวและการขี่ใช้งานในชีวิตประจำวัน และชุดตัวถังของมันดูเหมือนจะเป็นตัวส่งความร้อนของเครื่องยนต์ขึ้นมาปะทะตัวผู้ขับขี่ ซึ่งควรจะมีการออกแบบที่ดีกว่านี้ และเมื่อจับคู่กับชิลด์บังลมขนาดใหญ่ ความร้อนจะตีเข้าด้านหน้าของผู้ขับขี่โดยตรง
สำหรับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน ประกอบด้วย Aprilia Tuareg 660, Suzuki V-Strom 650 และ V-Strom 800DE, Yamaha Ténéré 700, KTM 890 Adventure R, BMW F 850 GS Adventure และ 850 GS, Husqvarna Norden 901, Triumph Tiger 900 และ Ducati DesertX
ความจุเครื่องยนต์: 649 ซีซี 2 ลูกสูบคู่ขนาน
แรงม้า: 60 ตัว
แรงบิด: 56 นิวตันเมตร
ระบบส่งกำลัง: เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
ระยะชัก: 83.0 มม.
กระบอกสูบ: 60.0 มม.
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง: 19.3 กม./ลิตร
ความจุถังเชื้อเพลิง: 18 ลิตร
เบรคหน้า: 2x J.Juan 2 ลูกสูบ
เบรคหลัง: ลูกสูบเดี่ยว
ดิสก์เบรคหน้าขนาด: 300 มม.
ดิสก์เบรกหลังขนาด: 240 มม.
ความสูงจากพื้น: 150 มม.
โช้คหน้า: Inverted fork
โช้คหลัง: Cantilever – Monoshock
ความสูงเบาะ: 838 มม.
น้ำหนักตัวรถ: 217.7 กก.
เรื่อง: ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารรถจักรยานยนตได้ที่ motorcycmagazine.grandprix.co.th/