“สตรีต แทร็คเกอร์” (Street Tracker) คือนิยามของ FTR อย่างเป็นทางการ และเพราะเริ่มจะจับทิศทางตลาดได้ คราวนี้Indian เริ่มมาโฟกัสในส่วนของชิ้นงานที่ดูทันสมัยขึ้น การก้าวออกจากการสร้างรถในแบบ“อนุรักษ์นิยม” มันยากแต่ก็…ต้องทำ!!!
การอัปเดต FTR ของรถโมเดล 2022 Indian นั้น ยังคงอยู่บนพื้นฐานเครื่องยนต์ชุดเดิม กับขุมกำลังขนาด 1,203 ซี.ซี. V-Twin 60 องศา 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ หัวฉีด ทางโรงงานเคลมว่าให้กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 123 แรงม้า (แรงบิดสูงสุด 87 ฟุต/ปอนด์) ซึ่งเครื่องยนต์ของ FTR มีจุดเด่นที่เครื่องยนต์ลูกสูบหลังสามารถปิดการทำงานได้ในเครื่องยนต์ที่ต่ำ เพื่อลดความร้อนในห้องเผาไหม้
สำหรับรถโมเดลใหม่นั้น FTR ได้รับการผลิตออกมาให้เลือกสรรมากถึง 4 รุ่น โดยรุ่น
FTR Standard : เปิดราคาไว้ที่ 12,999 $ (ประมาณ 455,000 บาท/ไม่รวมภาษี) รถไมเนอร์เชนจ์หน้าจอแสดงผลแอนะล็อก สปริงโช้คหลังสีแดง มาพร้อมกับสีสันใหม่ Black Smoke (ดำ) กับจุดสีแดงในตำแหน่งที่น่าสนใจ คือโลโกถังและขอบล้อ
FTR S : ขยับมาสู่รุ่นที่สูงขึ้นในรุ่น S ตัวรถจะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 4.7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน Bluetooth หรือผ่านช่อง USB มีโหมดการขับขี่ที่อัปเกรดใหม่ 3 โหมด ท่อไอเสียจาก Akrapovic อัปเดตระบบช่วยเหลือการขับขี่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบ Traction Control และ Cornering ABS พร้อมชุดสี Maroon Metallic (แดงเข้ม) และ White Smoke (ขาว/ดำ) เปิดราคาไว้ที่ 14,999 $ (ประมาณ 525,000 บาท/ไม่รวมภาษี)
FTR R Carbon : ตัวท็อปที่สุดในตระกูลFTR ด้วยคุณสมบัติที่เหนือกว่าทุกรุ่นย่อย และอุปกรณ์ติดตั้งบนตัวรถในระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันคาร์บอนไฟเบอร์ บังโคลนหน้าหลังคาร์บอน ระบบกันสะเทือนหน้าหลังจากแบรนด์ Öhlins ท่อไอเสีย Akrapovic และป้ายหมายเลขแบบรันนัมเบอร์บนแผงคอ (ผลิตแบบจำกัดจำนวน) เปิดราคาไว้ที่ 16,999 $ (ประมาณ 595,000 บาท/ไม่รวมภาษี)
FTR Rally : รถสายลุย FTR Rally ที่มีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในรูปแบบการขับขี่แบบ Off Road ที่สูงขึ้นด้วยวงล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว และวงล้อหลังขนาด 18 นิ้ว แบบซี่ลวด แฮนด์บาร์ ProTaper จะมีความสูงกว่ารุ่นทั่วไป 50 มม. ซึ่งมาพร้อมกับสีสันใหม่ Titanium Smoke โดยเปิดราคาไว้ที่ 13,999 $ (ประมาณ 490,000 บาท/ไม่รวมภาษี)
