2025 Triumph Bonneville Bobber TFC ลิมิเต็ดเอดิชั่น สนองคนชอบสไตล์คลาสสิก
Triumph Motorcycles เปิดตัว New Bonneville Bobber TFC (Triumph Factory Custom) ตัวลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่ผลิตออกมาให้กับเจ้าของในโลกใบนี้เพียง 750 คันเท่านั้น
ตัวถังของ Triumph Bonneville Bobber TFC โมเดลปี 2025 ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงเคลือบเงา เพื่อให้ได้น้ำหนักที่เบาและความแข็งแรงที่สูง พร้อมดีไซน์ที่หรูหราด้วยการผสมผสานสีสันแบบทูโทน และลวดลายหินอ่อนสีทองที่ถูกวาดขึ้นด้วยมืออย่างประณีต โดยถังน้ำมันแต่ละถังจะมีลายเซ็นของศิลปินเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงความพิเศษและความใส่ใจในรายละเอียด
เครื่องยนต์ขนาด 1,200 ซีซี ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ ผสานกับท่อไอเสียคู่ Akrapovic สีดำด้านแบบตัดเฉียง มอบพละกำลังที่ทรงพลังและเสียงที่เร้าใจ สามารถผลิตแรงม้าสูงสุด 78 ตัว ที่ 6,000 รอบต่อนาที เค้นแรงบิดสูงสุด 106 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบต่อนาที พร้อมระบบควบคุมการยึดเกาะถนนที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ และโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย อาทิ โหมด Sport, Road และ Rain เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่
ด้วยสไตล์ British Bobber ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยังมาพร้อมกับแฮนด์จับแบบคลิปออนที่มอบท่าทางการขับขี่ที่ดุดัน และล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกและความปลอดภัยในการขับขี่ มีการติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบเบรกหน้าที่ประกอบด้วยคาลิเปอร์ Brembo แบบเรเดียลโมโนบล็อกคู่กับกระบอกสูบหลัก Brembo MCS ในขณะที่ล้อหลังใช้ดิสก์เบรกขนาด 255 มิลลิเมตร และคาลิปเปอร์ Nissin ทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ
ระบบกันสะเทือนหน้าใช้โช้คอัพ Ohlins สีทอง พร้อมตัวปรับโช้คอัพที่ออกแบบมาให้เข้ากับโซ่สีทอง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังแบบฮาร์ดเทล มาพร้อมกับชุดโช้คอัพ Ohlins แบบ RSU ที่ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้าง พร้อมระบบลิงก์ที่สามารถปรับตั้งค่าระยะยุบตัวและค่าความหนืดได้
คาดว่า Bonneville Bobber TFC คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2025 โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 18,495 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 630,000 บาท
ข้อมูลจำเพาะของ Triumph Bonneville Bobber TFC ปี 2025
เครื่องยนต์: | 1,200 ซีซี SOCH ระบายความร้อนด้วยของเหลว 2 สูบ 8 วาล์ว |
กระบอกสูบ x ช่วงชัก: | 97.6 x 80.0 มม. |
อัตราส่วนกำลังอัด: | 10:1 |
ระบบส่งกำลัง/เฟืองท้าย: | 6 สปีด/โซ่ |
แรงม้า: | 78.0 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิด: | 106.0 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบต่อนาที |
ระบบเชื้อเพลิง: | EFI พร้อมระบบควบคุมคันเร่งอิเล็กทรอนิกส์ 3 โหมดการขับขี่ (Road, Rain, Sport) |
คลัตช์: | สลิปเปอร์คลัตช์ / คลัตช์เปียกแบบหลายแผ่น |
การจัดการเครื่องยนต์/การจุดระเบิด: | – |
เฟรม: | Tubular Steel Cradle |
ระบบกันสะเทือนหน้า: | โช๊คหัวกลับ Öhlins NIX 30 ขนาด 43 มม. ระยะยุบ 90 มม. |
ระบบกันสะเทือนหลัง: | โช๊คเดี่ยว Öhlins พร้อมข้อต่อ ปรับพรีโหลดและการคืนตัวได้ ระยะยุบ 77 มม. |
เบรคหน้า: | ดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์เรเดียล 4 ลูกสูบ Brembo M50, ABS |
เบรคหลัง: | ดิสก์เบรกเดี่ยว 255 มม. คาลิปเปอร์ Nissin axial, ABS |
ล้อหน้า/หลัง : | ซี่ลวด 32 ซี่ 19 x 2.5 นิ้ว / ซี่ลวด 32 ซี่ 16 x 3.5 นิ้ว |
ยางหน้า/หลัง: | 100/90-19 และ 150/80-16 |
Rake/Trail: | 25.7°/ 93 มม. |
ฐานล้อยาว: | 1,510 มม. |
ความสูงจากพื้น: | – |
ความสูงที่นั่ง: | 690-770 มม. |
ความจุเชื้อเพลิง: | 9 ลิตร |
น้ำหนักเปียก: | 237 กิโลกรัม |
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Motorcycle Magazine