News

Honda CBR600RR นักบิดไทยไฮเปค-กฤษฎา คว้าโพเดียมในศึกเอเชีย

ในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับเอเชีย ชื่อของ Honda CBR600RR กำลังถูกพูดถึงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนะโชติ นักบิดดาวรุ่งจากทีมฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในศึก FIM Asia Road Racing Championship 2025 สนามที่ 4 ที่อินโดนีเซีย พร้อมพารถคู่ใจขึ้นโพเดียมอันดับ 2 ได้สำเร็จ

Honda CBR600RR

ต้องบอกว่า การแข่งขันรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี (SS600) ครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย เพราะเต็มไปด้วยนักแข่งแถวหน้าจากทั่วเอเชีย แต่ “ไฮเปค” ที่เพิ่งลงแข่งปีแรก กลับสามารถพา Honda CBR600RR ของเขาไล่กวดคู่แข่งได้อย่างดุเดือด ถึงแม้จะออกสตาร์ตจากกริดที่ 10 แต่ก็อาศัยทั้งความกล้า ความแม่นยำ และศักยภาพของรถแข่ง จนสามารถแซงขึ้นมาอยู่ในกลุ่มนำได้สำเร็จ

เหตุผลที่ทำให้ “ไฮเปค” สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม มาจากการที่ CBR600RR เป็นสปอร์ตไบค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความเร็วและการควบคุมในสนามแข่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่รีดแรงม้าออกมาได้อย่างต่อเนื่อง หรือระบบช่วงล่างที่มั่นคงในการเข้าโค้ง ทำให้นักแข่งสามารถดึงศักยภาพออกมาได้เต็มที่

Honda CBR600RR

ในเรซนี้ กฤษฎาแสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ไม่เพียงตอบสนองได้ดีในทางตรง แต่ยังนิ่งและมั่นใจเวลาต้องสู้ในโค้งที่ใช้ทักษะสูง และช่วงท้ายเกมที่เหลือเพียง 3 รอบสุดท้าย เขายังสามารถขึ้นไปท้าทายตำแหน่งผู้นำได้ เรียกเสียงเชียร์จากแฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสนั่นสนาม

แม้จะไม่ได้คว้าแชมป์ แต่การได้โพเดียมอันดับ 2 ถือว่าเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญ เพราะนี่คือปีแรกที่ “ไฮเปค” ได้ลงแข่งขันในรายการระดับทวีป การยืนบนโพเดียมร่วมกับนักแข่งมากประสบการณ์จึงเป็นการพิสูจน์ว่าเขาพร้อมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งตัวจริงในอนาคต

Honda CBR600RR

นอกจากนี้ เพื่อนร่วมทีมจากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ก็มีผลงานที่น่าจับตา “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร หมายเลข 20 ออกสตาร์ตจากกริดที่ 16 แต่สามารถไล่ขึ้นมาคว้าอันดับท็อป 10 ได้สำเร็จ ส่วน “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว แม้จะโชคร้ายเจออุบัติเหตุช่วงท้าย แต่ก็ยังโชว์ให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าประทับใจ

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างกำลังใจให้กับนักบิดไทย แต่ยังทำให้ CBR600RR ในเอเชีย ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสปอร์ตไบค์ที่พร้อมสำหรับสนามแข่งอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมรรถนะ เครื่องยนต์ หรือการควบคุมที่ตอบโจทย์นักบิดมืออาชีพได้ทุกจังหวะ

การแข่งขันยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะสนามถัดไปจะไปต่อกันที่ เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ในเดือนตุลาคม 2568 เชื่อว่าความมั่นใจที่ได้จากโพเดียมครั้งนี้ จะเป็นแรงผลักดันให้นักแข่งไทยเดินหน้าทำผลงานที่ดียิ่งขึ้น และอาจได้เห็นการคว้าแชมป์เอเชียอีกครั้งในอนาคตก็เป็นได้

 

 

 

เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล

เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine

ติดตามข่าวสารยานยนต์ตามความต้องการรถใหม่ได้ที่ Motorcycle Magazine

Related Articles

Back to top button