News

LAMBRETTA X200 GP จิตวิญญาณตำนานสนามแข่ง 136,900 บาท 

LAMBRETTA X200 GP เริ่มต้น 136,900 บาท 

จิตวิญญาณตำนานสนามแข่งจากปี 1969 สู่ตำนานบทใหม่ในปัจจุบัน!

LAMBRETTA (แลมเบรตต้า) แบรนด์รถสกู๊ตเตอร์ตำนานกว่า 77 ปีจากอิตาลี เปิดตัวรถรุ่นใหม่  LAMBRETTA X200 GP  ด้วยการนำรหัส GP กลับมาใช้ในโมเดล X-Series ผสมผสานกลิ่นอายและจิตวิญญาณของตำนานสนามแข่งในอดีตจากรุ่น LAMBRETTA GP/DL ในปี 1969 ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ LAMBRETTA ในฐานะสกู๊ตเตอร์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ยานพาหนะ แต่ยังเป็นตัวแทนแห่งความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน!

LAMBRETTA X200 GP โดดเด่นด้วยลวดลายกราฟิกดีไซน์ใหม่กับลายเส้นของโลโก้ LAMBRETTA ที่คาดจากบังโคลนด้านหน้าสู่ฝาข้างด้านหลัง เพิ่มความเฉียบคมและมีสไตล์ให้กับตัวรถ โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของการออกแบบจากอดีตไว้อย่างครบถ้วน ที่สำคัญ ยังมาพร้อมดีไซน์สีสันในสไตล์ทูโทน ด้วยจุดเด่นของการออกแบบฝาข้างที่ทำจากเหล็ก และสามารถถอดแยกชิ้นได้ มันเลยกลายมาเป็นอีกลูกเล่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เหล่าผู้ใช้รถแลมเบรตต้า หรือที่เราเรียกกันว่าชาวแลมเบรตติสต้าต่างชื่นชอบและนำไปคัสตอมในสไตล์สีทูโทนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ครองใจผู้ที่ชื่นชอบรถแลมเบรตต้ามาหลายทศวรรษ 

นอกจากนี้ X200 GP ยังผสานความคลาสสิกจากปี 1969 เข้ากับดีไซน์สุดล้ำในปัจจุบัน ด้วยบังโคลนหน้าแบบ Fix Fender ที่ยังคงเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่สื่อถึงความทนทานและดีไซน์ที่แข็งแกร่งของรุ่น GP ดั้งเดิม ทุกเส้นสายของ X200 GP ถูกออกแบบมาเพื่อสื่อถึงความสปอร์ตแบบไร้ขีดจำกัด แต่ยังคงรักษาความคลาสสิกในแบบฉบับที่แลมเบรตต้าเป็นมา และแน่นอนว่า การมาด้วยรหัส GP ต่อท้ายเช่นนี้  ย่อมต้องมีสัญลักษณ์อันเป็น ICONIC จากรุ่นตำนาน ที่สืบสานมาสู่รุ่นล่าสุดอย่างแน่นอน!  นั่นก็คือ สัญลักษณ์รูปหยดหมึก หรือ  “Ink Splat” ที่ถูกประทับลงบนบริเวณด้านหน้ารถ X200 GP คันนี้ นับเป็นเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงความคลาสสิกที่ยังคงสดใหม่ในใจของชาวแลมเบรตติสต้าเสมอมา 

เรื่องราวของตำนาน  Ink Splat 1969 

ตำนานรูปหยดหมึก (Ink Splat) ถือกำเนิดในปี 1969 จากการรังสรรค์ผลงานของนักออกแบบชื่อดังชาวอิตาลี Nuccio Bertone ผู้คร่ำหวอดในแวดวงออกแบบที่ฝากผลงานบนรถสัญชาติอิตาลีอันโด่งดังไว้มากมาย หนึ่งในผลงานของเขาก็คือ ตำนานสกู๊ตเตอร์ LAMBRETTA GP/DL (1969 – 1971) ที่เขาได้ทำการปรับโฉมของ LAMBRETTA ในขณะนั้น ให้มีความโฉบเฉี่ยวเพรียวบางและมีความสปอร์ตมากขึ้น โดยได้เพิ่มความโดดเด่นให้กับรถรุ่นนี้ ด้วย ICONIC รูปหยดหมึก หรือที่เรียกกันว่า Ink Splat อันมีที่มาจากการที่เขาได้เห็นหยดหมึกที่หยดลงบนพื้น ขณะที่เขาทำการออกแบบรถรุ่นนี้ จึงได้หยิบยกสัญลักษณ์หยดหมึกนี้มาใส่ไว้บนตัวรถ LAMBRETTA GP/DL และถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงคุณค่าผ่านสัญลักษณ์นี้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นล่าสุดใน X200 GP 

นอกจากนี้ ยังแฝงสัญลักษณ์ ‘LAMBRETTA LION’  หรือสัญลักษณ์สิงโตยืนสองขาไว้ที่บริเวณบังโคลนหน้าทั้งสองด้าน ซึ่งสัญลักษณ์นี้ ถือเป็นอีกสัญลักษณ์ที่เป็นมรดกจากอดีตด้วยเช่นกัน เพราะถือเป็นสัญลักษณ์ที่เหล่าชาวแลมเบรตติสต้าในสหราชอาณาจักร นิยมนำมาระดับที่รถกันอย่างแพร่หลายในช่วงยุค 60s 

ทางด้านสมรรถนะและฟังก์ชันในรถ X200 GP ก็ยังคงจัดเต็มคุณภาพมาให้แบบครบจบเช่นเคย ทั้งเครื่องยนต์ LSP (Lambretta Super Performance) ขนาด 184.7 ซีซี จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยเทคโนโลยีหัวฉีด, ระบายความร้อนด้วยน้ำ ที่มาพร้อมกับพัดลมระบายความร้อนถึง 2 ตัวด้วยกัน ที่สำคัญ ในส่วนของการออกแบบระบบช่วงล่างยังถ่ายทอด DNA เอกลักษณ์จากรุ่นตำนานกับชุดกันสะเทือนหน้าแบบ Double Arm-Link ทั้งสองข้าง ให้การขับขี่ที่สามารถควบคุมบาลานซ์ของตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม พร้อมโช๊คทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่สามารถปรับ Preload ได้ถึง 7 ระดับ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์กับการใช้งานของผู้ใช้ได้ในหลากหลายรูปแบบ  แถมยังคงมาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่นของไฟหน้า และไฟท้ายในระบบ FULL LED กับโคมไฟหน้ารูปทรงหกเหลี่ยม อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นยอดฮิตของแลมเบรตต้า ออกแบบมาให้แฝงโลโก้ไว้ภายใน บ่งบอกตัวตนไว้ได้อย่างชัดเจน และส่วนของไฟท้ายที่บึกบึนดูแข็งแกร่งแตกต่างไม่ซ้ำใคร ให้ความพรีเมียมเหนือระดับ กับดีไซน์ในรูปทรงคริสตัล 7 แท่ง ที่เพิ่มเลเยอร์ในการซ้อนโคมด้านนอกอีกชั้น มาพร้อมกับ ระบบ IFS (Integrate-Function Signals) ที่ออกแบบให้ทั้ง ไฟเลี้ยว/ไฟฉุกเฉิน/ไฟเบรก build-in อยู่ภายใต้โคมไฟท้ายเดียวกัน มาพร้อมกับการใช้งานในระบบ Smart Key ที่เพียงแค่พกพา Smart Key ใกล้ตัวรถ ก็สามารถบิดสตาร์ทได้ทันที อีกทั้งยังให้ความปลอดภัยที่มากกว่า ด้วยดิสก์เบรกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำงานพร้อมกับระบบเบรกแบบ Dual-channel ABS  และเสริมฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ด้วย USB Charger (Type-C) ที่ซ่อนอยู่บริเวณช่องซ้ายมือ สำหรับเสียบชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์สื่อสารได้ อีกจุดของความสวยงามที่มองเห็นได้ขณะขับขี่ คือ เรือนไมล์แบบ Digital LCD with Tachometer ผสมผสานดีไซน์ระหว่างความคลาสสิกและความทันสมัยเอาไว้ด้วยกัน พร้อมการทำงานที่แสดงผลข้อมูลต่างๆอย่างครบครัน

 

ราคาและโปรโมชั่น ในราคาเปิดตัวที่ 136,900 บาท

เปิดตัวมากับ 2 สีสัน สไตล์ทูโทน ได้แก่ 

  • White/ Super Black  (สีขาว-ดำ)
  • White/ Scuro Grey  (สีขาว-เทา)

 

เรื่อง  : กองบรรณาธิการ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine 

ติดตามข่าวสารมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ : www.motorcycmagazine.grandprix.co.th

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save