Biker StoryThe Garage

M O D

         

ลัทธิคู่กัด!! แฟร์ชั่น “สุดล้ำ” หรือ อันธพาล “สุดขั้ว”         

         BIKER STORY กริยาสแลงสัมปทานใหม่ที่อุบัติขึ้นภายใต้กรอบของ “วัฒนธรรมไบค์เกอร์” ที่ “เป็นปม” ชวนพิศมัย จากตำนานวิถี…สู่…เรทโทรเทรน ศัพน์แสงที่บัญญัติจนไพเราะจนเสนาะหู ทว่า เพื่อให้ได้อรรถรสเต็มอารมณ์ เราขอเรียกมันดิบๆ ด้วนๆ เป็นภาษาพ่อขุนรามฯ ว่า…ขี่อย่าง…กู (รู) ก็แล้วกัน !?!?!

         กับ…ภาค “คู่กัด” (ตลอดกาล) ที่เสมือนเป็นไม้เบื่อ ไม้เมา ในทุกโลเกชั่นที่ย่างกาย และพร้อมประลองบทบู๊พอดับดีกรีความพร่านให้ได้บรรเทาเบาบาง “Mod” (Modernist) วัฒนะกลุ่มที่ก่อตัวอย่างเป็นรูปธรรมในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปลายยุคปี 1950 และโด่งดังสุดขีดถึงกลางปี 1960 ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นกับหนุ่มสาววัยเจริญพันธุ์ที่พิศมัยเรื่องของ “แฟร์ชั่น” จนเข้าเส้น เสื้อสูทชุดหรูแบรนด์ดังจากอิตาลี กับดนตรีที่เสนาะโสตที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียกว่า British beat music และ R&B (อัฟริกัน อเมริกัน เรียก Soul, จาร์ไมก้า เรียก Ska) โดยยึดโลเกชั่นดังประจำย่าน เนรมิตรเป็นฟลอร์เต้นรำและปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยงในทุกค่ำคืน วัฒนธรรม “Mod” แบบนี้ กระทั่งผู้สันทัดกรณียังไม่สามารถหาคำจำกัดความได้อย่างถูกต้องแม่นยำ มันชัดเจน แต่ไม่มีรูปแบบตายตัวและยากที่จะคาดเดา และถือเป็นเรื่องที่น่าพิศวงของโลกเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ (Mysterious semi-secret world)       

Fashion : มีคนกล่าว่า “Mod” คือ “ลัทธิ” ด้วยนิยามที่ย้ำเหตุผลที่ว่าคือ กลุ่มคนที่ถูกครอบงำด้วยแฟร์ชั่น และใช้ชีวิตแบบหนุ่มสาวเจ้าสำราญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอนในยุคหลังสงคราม หนุ่ม-สาว เหล่านี้ออกจากบ้าน และหาเลี้ยงตัวเองโดยไม่ต้องต้องอาศัยเงินจากครอบครัว เหตุนี้จึงไม่ต้องฟังเสียงท้วงติงใดๆ จากผู้ใหญ่ให้ขุ่นจิต…“Mod” เริ่มต้นด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลกัษณ์ ที่หาซื้อได้จากช็อปดังย่าน Carnaby Street และ King Road ในกรุงลอนดอน ซึ่งดีไซน์เนอร์ดังแห่งยุคสำหรับท่ายช่วยคือแบรนด์ของ Maverick ส่วนสาวเจ้าก็คลั่งมินิสเกิร์ตผลงานการออกแบบของ Mary Quant และJohn Stephen ที่ทำสินค้าขายในแบรนด์ของ“His Clothes”

          เพราะเป็นลัทธิที่ถือปฎิบัติและโดดเด่นสะดุดตาในเรื่องของแฟร์ชั่นแบบทุกกระเบียด มันเนี๊ยบ สะอาด สะอ้าน จนเหมือนชายเจ้าสำอางค์ จนเกิดเป็นศัพท์แสงซึ่งถูกบัญญัติว่าTeddy Boys เหตุผลนั่นรึ ก็เพื่อเรียกร้องความสนอกสนใจจากบรรดาสาวๆ ที่เข้ามาร่วมก๊วน รวมถึงการเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มก้อนของตัวเอง ทว่า ก็ไม่น้อยที่ได้รับความสนอก สนใจ จากพวกเดียวกันที่พิศมัยการรักร่วมเพศ (homosexual) ทว่า กลุ่มหลังนี้ จะสะดุดตาด้วยแฟร์ชั่นที่เน้นเรื่องของสีสันที่บาดใจกว่า กลางปี 1960 ในยุคที่ “Mod” นั้นโด่งดังสุดขีด หลังสือพิมพ์ของอังกฤษได้ให้ความสนใจอย่างมาก จากข้อสงสัยที่ว่าสูทหรูๆ และเครื่องแต่งกายหราๆ สินค้านำเข้าจากอิตาลีและฝรั่งเศสนั้นมีราคาแพงเหลือเกิน พวกเขาจัดหามันมาได้อย่างไร หลังจากเก็บข้อมูลอยู่นาน ก็ต้องตกใจ ทว่า พอสรุปเป็นถ้อยวลีสั้นๆ ได้ว่า “ยอมอดอาหาร เพื่อเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า” (go without food to buy clothes) ฟังดูพิลึก ทว่า คือ…เรื่องจริง!!!!           

          “Mod” เกิดขึ้นและเจริญเติบโตในขั้วตรงข้ามจาก “Rockers” ผู้ชายในเทรนของ “Mod” นั้นดูเนี๊ยบ สำอางค์ ด้วยเสื้อสูทแบรนด์อิมพอร์ทจากอิตาลี ในขณะที่บางกลุ่มพิศมัยกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ตผูกไทด์เส้นเล็กๆ และสวมทับด้วยเสื้อกั๊กคอวี กับเสื้อคลุมสีมอๆ แขนจั๊ม ยาวเกือบถึงเข่า ที่ปก มีส่วนต่อที่ทำจากขนแกะ แพะ หรือ กระต่าย และสวมรองเท้าหนัง (เรียกเป็นศัพท์เฉพาะว่า Winlepickers) แบรนด์นิยม อาทิ Chelsea, Beatle Boots, Tassel Loafers, Clarks และ Bowling และจัดแต่งทรงผมเท่ห์ตามแบบไอดอล Nouvelle Vague และJean-Paul Belmondo นักแสดงชื่อดังแห่งยุคชาวฝรั่งเศส ในขณะที่ “สาวมอดส์” สวมเดสสั้น หรือ มินิสเกิร์ต ถุงน่องสีต่างๆ แต่งหน้าเล็กน้อย แต่เน้นขอบตาสีเข้ม โดยพยายามจะแต่งกายให้เหมือนหุ่นโชว์เสื้อผ้า ที่มีทรวดทรงเอวบางร่างน้อย และมีไอดอลให้ย่ำรอยคือ Jean Shrimpton และ Twiggy ดาราจากซีรีส์ดังเรื่อง Ready Steady Go!!! ทางทีวี            

Clubs, Music and Dancing : สถานบันเทิงเริงรมณ์นั้นเป็นของคู่สังคม “Mod” อยู่ในทุกค่ำคืน เหตุผลก็เพื่ออวดเครื่องแต่งองค์ เกทับ บัฟแบรนด์ ที่เหล่าสาวกนั้นไปเฟ้นหามาปรนเปรอร่างกาย กับปล่อยท่วงท่า โชว์สเต็ปแด๊นซ์สุดกวนให้ประจักษ์ตา ในลอนดอนมีคลับเลื่องชื่อเสียงอยู่มากมาย อาทิ The Roaring Twenties, The Scene, La Discotheque, The Flamingo และ The Marquee ในขณะที่เด็ดสุดฝั่งแมนเชสเตอร์ก็ต้องที่ Twised Wheel Club…แนวเพลงที่ได้รับความนิยมสมัยนั้นสำหรับหนุ่มสาวชาว “Mod” นั้นหนีไม่พ้นโมเดิร์นแจ๊สกับ R&B ที่ฟังระรื่นโสต ทว่า ศิลปินแจ๊สที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุคสงครามเย็น กลับเป็นของกลุ่มคนอเมริกาในนามของ Dave Brubeck and the Modern Jazz Quaetet

          ส่วนศิลปินในอังกฤษเองที่ได้รับความนิยมในยุคนั้นก็เห็นจะเป็น The Rolling Stone, Yardbirds, The Kinks, The Small Face, The Creation, The Actoin, The Smoke, John Children ทว่า โดดดังที่สุดๆ หรือจะเรียกว่ามีแฟนคลั่งขั้นเข้าเส้น เพราะทั้งคาแรคเตอร์ การแต่งกาย และวิถีชีวิต นั้นถ่ายทอดวัฒนะธรรมของชาว “Mod” ได้ตรงใจนั่นคือวง The Who        

Scooter :  รถสกู๊ตเตอร์ถือเป็นขนส่งมวลชนที่สาวก “Mod” จัดหามาสนองนีทสำหรับการเดินทางไปในที่ต่างๆ เพราะพึงใจในแฟชั่น รถแนวๆ อาร์ตๆ อย่าง Vespa และ Lambretta ที่มีเส้นสายงานออกแบบที่สะดุดตาเลยถูกเรียกมาใช้ในหว่างขา ทว่า หากจะพให้โดนใจสุดๆ มันก็ต้องมีการปรับแต่งอีกเล็กน่อย เพื่อให้โดดเด่นเตะตาตามคาแรคเตอร์ รถเดิมๆ มักได้รับการสาดสีใหม่ในแบบทูโทน ที่เพิ่มเกล็ดระยับกับงานโครมเมี่ยมเข้าไปร่วม ตะแกรงหน้าหลัง กันล้ม ของแต่งครอบโน่นนี่จึงได้รับการอัพเกรด  

          ในอังกฤษยุคต้น 1960 การขนส่งมวลชนกลางคืนนั้นหยุดเดินทางเร็วมาก มันมืดและหนาวเหน็บจากสภาพอากาศที่แปรปรวน “Mod” ไม่กัว สภาพอากาศนั้นเล็กกว่าเรื่องเอนเตอร์เทน เสื้อ Fishtail Parkar เลยเข้ามาเป็นพระเอกที่ช่วยหาสาวก “Mod” อบอุ่น และช่วยไม่ให้สูมหรูๆ นั้นต้องราคีจากฝุ่นผง ในเวลานั้นข้อกำหนดสาธารณะผ่านมติพอดี มันกระทบกับชาว “Mod” โดยตรงเหมือนกัน รถจักรยานยนต์ต้องมีไฟส่องสว่างที่ชัดเจนและต้องมีกระจกส่องหลังเพื่อความปลอดภัย เพราะไม่กินเส้นกับภาครัฐอยู่เป็นทุน…ได้… “Mod” จัดให้!!! กระจก-ไฟ จะ 1…2…4…10…หรือ กระทั่ง 30 ถูกติดตั้งตามแรงประชดประชั้น มันกลายเป็นวัฒนะธรรมของ “Mod” รวดเร็วเหมือน…ไฟลามทุ่ง!!!

1964 จากเหตุการณ์จราจลยกพวกตะลุมบอลระหว่าง “Mod-Rockers” สร้างความตื่นตะหนกให้สังคมอังกฤษอย่างมากมาย ทั้ง “มอดส์-ร็อคเกอร์” ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความ ”ป่าเถื่อน พิศมัยความรุนแรง” ร้อนถึงทางการที่ต้องเข้ามาปราบปรามชน 2 กลุ่มนี้อย่างจริงจัง ทั้งสื่ออังกฤษ สื่อโลก ประโคมข่าวนี้ในวงกว้าง ขาโจ๋ถูกจับกุม บ้างก็ต้องระเห็ดออกจากเมือง มาตรการใหม่ๆ ถูกนำมาใช้บีบแทบจะทุกกรณี…มัน…ใช้เวลาอยู่ 2-3 ปีถึงค่อยจาง ทว่า กลับก่อกำเนิด เกิดเป็นลัทธิแฝงใหม่ที่เราๆ รู้จักกัในนาม “ฮิปปี้” (Hippies) และ “สกินเฮด” (Skinheads)

Royal Air Force, Mod symbol : เพราะเป็นกลุ่มวัฒธรรมเฉพาะที่เกิดขึ้น และต่างใช้ชีวิตไปเพื่อความสำราญและแฟร์ชั่นอิมพอร์ท จึงได้รับการจับตาจากสังคมและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอยู่ไม่น้อย “Mod” ประชด ประชัน โดยนำโลโก้รูปวงกลมของกองทัพอากาศ (เป้า) และใช้สีจากธงชาติอังกฤษ (ขาว แดง น้ำเงิน) มาใช้เป็นเครื่องหมายของตน มันดูทันสมัย มีรูปแบบ ถือเป็นศิลปะแบบป๊อปอาร์ต และได้รัยการนำมาติดบนแจ็คเก็ต และเป็นโลโก้หลัก ที่ถูกดัดแปลงไปในอีกหลายรูปแบบ

Fishtail Parka : โคทยาวสีมอที่เสมือนเป็นลายเซ็นต์ของ “Mod” ที่เด่นตา Fishtail Parka  คือเครื่องกันหนาวของทหารอเมริกา (United States Army) สำหรับภาระกิจต่อสู้ในสงครามเกาหลี ในปี 1951 ซึ่งมีใช้ด้วยกัน 2 แบบคือ M-51 และ M-65 ซึ่ง M ก็คงหมายความถึง Military นั่นเอง ที่เรียกว่า Fishtail (หางปลา) นั่นก็หมายถึงชายของเสื้อโค้ทที่ด้านหลังนั้นจะยาวกว่าทางด้านหน้า เพื่อป้องกันความหนาวเหน็บให้ต้นขา ป้องกันลม และสามารถกันน้ำได้ดี และสามารถนั่งทับได้บนหิมะ M-51 นั้นมีฮู๊ด (Hood) ที่สามารถพับเก็บเข้าไปด้านหลังเสื้อได้ ในขณะที่ M-65 นั้นสามารถถอดส่วนของฮู๊ดออกได้เลย หากไม่ต้องการใช้ Fishtail Parka  ถือป็นเพื่อนคู่กายที่ “ทหารราบ” ยุคนั้นรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี      

Related Articles

Check Also
Close
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save