Suzuki Avenis สกู๊ตเตอร์ตัวแรง ฝาน้ำมันเปิดท้ายสุดแนว จะเป็นยังไง ไปทราบพร้อม ๆกัน
สกู๊ตเตอร์คลาสเล็กสไตล์สปอร์ตได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด The Urban Arrow ที่บ่งบอกถึงความสปอร์ต ด้วยการออกแบบให้มีความเฉียบคม ตามหลักอากาศพลศาสตร์ มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตอบโจทย์การใช้งานอย่างครอบคลุมทั้งใน และนอกเมือง ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน และฟังก์ชันที่นักบิดต้องการ
มาพร้อมขุมพลัง Suzuki Eco Performance (SEP) ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา แบบสูบเดียว 4 จังหวะ SOHC 2 วาล์ว ขนาดความจุกระบอกสูบ 124.3 ซี.ซี. จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ ซึ่งทางต้นสังกัดเคลมตัวเลขแรงม้าสูงสุดเอาไว้ที่ 8.7 PS ที่ 6,750 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุดที่ 10 Nm ที่ 5,500 รอบ/นาที
ในส่วนของการออกแบบดีไซน์สไตล์สปอร์ตที่แตกต่างถือว่าสวยงามลงตัว ไล่เรียงกันไปตั้งแต่ไฟหน้า LED แนวตั้งที่มาพร้อม LED Daytime Running Lights รวมไปถึงยังติดตั้งชิลด์หน้าเพิ่มลุคให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วย เช่นเดียวกับไฟท้ายแบบ LED ที่ออกแบบแยกส่วนก็ดูสปอร์ตเข้ากับตัวรถ ที่มาตรวัดเรือนไมล์เป็นแบบดิจิทัล มัลติฟังก์ชัน แสดงข้อมูลอย่างครบครันอ่านง่ายชัดเจน
อุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งจากโรงงานของ Suzuki Avenis ถือได้ว่าอยู่ในระดับน่าพอใจรองรับการใช้งานได้อย่างดี ตั้งแต่ที่ระบบกันสะเทือนหน้าเทเลสโกปิก ที่ทำงานร่วมกับด้านหลังแบบสวิงอาร์มโช้คเดี่ยว ระบบเบรกเป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบ Parking Break ควบคุมผ่านก้านเบรกด้านซ้าย วงล้อแม็กแบบ 5 ก้านลายสปอร์ต รัดทับเอาไว้ด้วยยางไซส์ 90/90 ขนาด12 นิ้วทางด้านหน้า และ 90/100 ขอบ 10 นิ้วทางด้านหลัง
นอกจากขุมพลังที่พัฒนาเพื่อการใช้งานอย่างครอบคลุม และและอุปกรณ์พื้นฐานที่ติดตั้งมา กับดีไซน์ที่ลงตัวแล้ว ความสะดวกสบายของการใช้งานก็เป็นอีกหัวข้อที่ทีมพัฒนาให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของระบบ Suzuki Easy Start ที่รวมการควบคุมการสตาร์ทติด และดับเครื่องยนต์เอาไว้ที่สวิทช์เดียว นอกจากนั้นยังมีช่องจ่ายกระแสไฟแบบ USB ติดตั้งเอาไว้ในเก็บของขนาดใหญ่ทางด้านหน้าเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถชาร์ทอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
ในส่วนของเบาะนั่งได้รับการออกแบบมาให้นั่งสบายด้วยวัสดุที่มีคุณภาพแน่นนุ่มกำลังดี แผ่นหนังให้ผิวสัมผัสที่ช่วยเรื่องการยึดเกาะที่มั่นคงช่วยให้ควบคุมรถได้ดีอีกระดับ สวยงามด้วยสีทูโทนเดินด้ายตะเข็บคู่สไตล์สปอร์ต โดยพื้นที่ใต้เบาะออกแบบให้เป็นพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ความจุมากสุดถึง 21.5 ลิตร พื้นที่วางเท้าออกแบบให้มีความกว้างพอสมควร ส่งผลให้ผู้ขับขี่นั่งได้อย่างสบายเปลี่ยนอิริยาบทในขณะขับขี่ได้สะดวก รวมไปถึงยังออกแบบให้มีมุมเว้าสามารถวางเท้าได้อย่างมั่นคงด้วย อีกหนึ่งจุดเด่น ยังอยู่ที่การออกแบบฝาถังน้ำมันที่ด้านท้ายเพิ่มความสะดวกสบายในการเติมน้ำมัน โดยถังน้ำมันมีความจุ 5.2 ลิตร
เรื่อง : กองบรรณาธิการ
เรียบเรียงข้อมูลโดย Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารมอเตอร์ไซค์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ได้ที่ www.motorcycmagazine.grandprix.co.th
