VEB Motorradwerke Zschopau
VEB Motorradwerke Zschopau
“ล่าปลาวาฬ” MZ ES 175/1 และ ES 250/1
“ปลาวาฬ” เอาชื่อนี้แล้วกัน คุณลักษณ์ที่ถ่ายทอดจากรูปทรงของ “กะโหลกไฟหน้า” มนๆ และไม่เลี้ยวตามแฮนด์ “จุดบอด” ที่กลายเป็น “เอกลักษณ์” และมีเส้นคิ้วมิเนียมซ้าย/ขวา ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเหงือกปลาวาฬที่เป็นนิคเนม
ขุดให้…เห็นตอ!!! ต่อเนื่องจาก “เสวนาปลาวาฬ” ที่ยังคงเม้าท์กันสนุกปาก “ตอนต่อ” งานของ “ต้นเรื่อง” ของรถหน้าแปลกจากแบบการผลิตที่เป็นเอกลักษณ์ “หมาบ้า คอแข็ง แรดบก” กระทั่ง “ปลาวาฬ” เลือกเสพเป็นภาษาสยามสักชื่อ ในขณะที่ “ศัพท์ช่าง” ตอกโค๊ดเพื่อการสืบค้นในแบบสากล…ว่า …ES-series. !?!?!
เบาะเดี่ยวตอนหน้าเปิดเบาะขึ้นมา ออกแบบเป็นถาดเชื่อมต่อกับกล่องอากาศด้านล่าง ระบบนี้เรียกว่า Frame Air Filter System เลือกได้แบบเดี่ยว 2 ชิ้น หรือ เบาะยาวตอนเดียว มีคิ้วอะลูมิเนียมเก็บงานรอบชิ้นงาน
Auto Union กลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ระดับหัวแถวของ “เยอรมนี” เฟืองจักรตัวสำคัญที่กำลังรุ่งโรจน์ในยุคปี 1916-1930 ไลน์ผลิตที่มีเทคโนโลยีจากอากาศยานคือแม่บทที่แตกยอดสู่ยานยนต์แบบ 4/2 ล้อในตลาดโลก ใครจะเชื่อจากเจ้าพ่อ “โลกธุรกิจ” ถึงพี่ใหญ่ “สายอักษะ” เยอรมนีอาสานำทัพเปิดศึก “สงครามโลกครั้งที่ 2” …ก่อน…ยอม “ยกธง” ในปี 1945 เยอรมนีถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง กลุ่มของ Auto Union จำต้องระเห็จกันไปคนละทิศทาง “พิมพ์เขียว 2 ล้อ” ถูกแบ่ง IFA ยังคงสร้างแบรนด์การค้าในเยอรมนีตะวันออก (East Germany) ในขณะที่ DKW ต้องย้ายฐานการผลิตมาอยู่ที่เมือง Zschopau เยอรมนีตะวันตก (West Germany) แบรนด์การค้าทั้ง DKW และ MZ คือในเบิกทางที่พร้อมกลับมาทำตลาดอีกครั้ง
ซัพหลังเป็นสวิงอาร์ม บีบปลาย บากร่องแกนล้อ ทำงานร่วมกับโช้คซัพไฮดรอลิกคู่ แกนในปลอก
ท่อไอเสียฟอร์แมตที่คุ้นตา ใช้ยาวนานตั้งแต่เป็น Auto Union ทั้ง IFA DKW รวมถึง MZ แต่ต่างกันที่ขนาด ความยาว ตามบล็อกของเครื่องยนต์ ทว่า ให้เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ
MZ-ES 175 : (1957-1972) เปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 1956 และทำการผลิตควบคู่กับเครื่องยนต์ขนาด 250 ซี.ซี. ซึ่งดูจากภายนอกนั้นแทบไม่เห็นความแตกต่างอะไรเลย มีเพียงมิติที่มองจากด้านข้างเท่านั้น ที่จะพอเห็นว่า MZ-ES 175 นั้นดูจะแคบกว่าเพียงเล็กน้อย เพราะชิ้นส่วนโครงสร้างหลักและชิ้นส่วนประกอบที่ออกแบบมาให้ใช้ด้วยกัน เหตุผลนี้ที่ทำให้โครงสร้างเฟรมของ MZ-ES 175 นั้นดูจะหนักเกินความพอดี ทว่า หากมองในเรื่องต้นทุนการผลิต ทีมออกแบบกลับเห็นว่ามันคุ้มค่า เครื่องยนต์บล็อก MZ-ES 175 ได้รับการอัพเกรด เสื้อสูบ ลูกสูบ และ ฝาสูบ กับขนาดของช่วงชักถูกขยาย รวมถึงพัฒนาระบบ คลัตช์ เกียร์ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รถโมเดลแรกนี้ให้บบการปลิตอย่างเป็นทางการว่า ES 175/0
ES 175/1 ส่งออกจากไลน์การผลิตในปี 1962 ซึ่งยังคงแบบการผลิตจากรุ่นดั้งเดิม ทว่า เลือกหยิบเอาชุดไฟท้ายจากรุ่น ES125/150 กลับมาใช้ และพัฒนาจนได้กำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 12 แรงม้า (ES 175/0 10 แรงม้า) ระบบการทำงานที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ชุดคลัตช์ ระบบไหลเวียนน้ำมันเครื่อง สลักข้อเหวี่ยง รวมถึงระบบเกียร์ (สามารถติดตั้งไซด์คาร์ได้) ก็เป็นชิ้นส่วนที่แชร์มาจากรุ่น ES 250/1 ก่อนมีการพัฒนาเพิ่มอีกครั้งในโมเดลปี 1967 ในนามของ ES 175/2 ที่ได้กำลังเครื่องยนต์เป็น 14.5 แรงม้า ทว่า ผลิตจำหน่ายเฉพาะใน “ยูโกสลาเวีย” และ “บัลแกเรีย” เท่านั้น
ES 175/1 : ครบๆ เดิมๆ สีแห้งๆ โรงงาน :ซัพหน้าโตงเตง (Leading Link Forks) มาพร้อมบังลมตรงรุ่น ออปชัน “หน้าหนาว” ที่นิยมใช้ในเยอรมนี กันลม ฝุ่น หิมะ คันนี้ออปชันครบๆ บาร์ พร้อมสวิตช์ควบคุมต่างๆ มีกระจกปลายแฮนด์มิเนียม ไฟเลี้ยวปลายแฮนด์ ออปชันแต่งหล่อที่เป็นที่นิยม ภาพรวมอาจไม่แตกต่างกันนัก นอกจากเครื่องยนต์ ที่มีโค๊ดบอกความจุกระบอกสูบ กับเพลทท้ายบังโคลนหลัง ES 175/1 กลับมาใช้ไฟท้ายกระบอกกลมของรุ่น ES 125
MZ-ES 250 : (1956-1973) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1956 ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ผู้คนไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถยนต์มาใช้ MZ-ES 250 คือความลงตัวที่เป็นทางเลือกในท้องตลาด ขนาดของเครื่องยนต์กำลังดี การบำรุงรักษา และใช้สอยเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมยอดการผลิตเครื่องยนต์ของ MZ-ES 250 จึงมีมากถึง 150,000 เครื่องยนต์ในปี 1962 นี่คือรถ “ยอดนิยม” ที่สร้างกำไรให้ MZ ได้จดจำ ทว่า “ข้อท้วงติง” หนึ่งที่ทำให้ต้องขบคิด ถังน้ำมันที่ถูกเชื่อมต่อเสมือนชิ้นงานเดียวกับกะโหลกไฟส่องสว่าง มัน “ไม่เลี้ยว” ตามองศาของแฮนด์ มักจะก่อเกิดอุบัติเหตุในเวลาค่ำคืน กระนั้นทีมออกแบบก็สวนกลับทันควัน มันเป็นความลงตัว “ระดับแอดวานซ์” ช่วยให้ระบบสายไฟต่างๆ ไม่มีการบีบพับ เสียดสี กระทั่ง พันกันจนยุ่งเหยิง จอบโจทย์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง มันเพียงพอที่ทีมออกแบบจะยึดถือปฏิบัติ แม้กระทั่งรุ่น MZ-ES 250/2 ที่ผลิตตามออกมา ก็ยังใช้คุณลักษณะนี้ เป็นเพียงแต่มีการปรับแต่งกะโหลกไฟหน้าใหม่ให้ดูทันสมัยมากขึ้น
ES 250/1 : ถังน้ำมัน ลวดลายที่ต่างกันและมีเพลทโครมข้างถังน้ำมัน ยางข้างถัง เครื่องยนต์ออกแบบซ่อนฝังคาร์บูเรเตอร์ไว้ท้ายเครื่อง และมีฝาปิดดูสมูทตา ซ้าย/ขวา ออกแบบได้สวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และประสบความสำเร็จจากรายการแข่งขันมานับไม่ถ้วน โดยเฉพาะการแข่งขันเส้นทางโหดตลอด 6 วัน “INTERNATIONAL SIX DAYS TROPHY” นี่แหละราชัญตัวจริง ในภาพฝาถัง 6 ปี นี่หายากสุด 1963-67, 69 เพลทหลังบ่งชี้ว่าเป็นโมเดล ES 250/1
ES 250/1 เปิดตัวในปี 1961 มีการพัฒนาชุดลูกปืนข้อเหวี่ยงและระบบหล่อลื่นห้องเกียร์ใหม่ และปรับอัตราส่วนผสมของน้ำมันหล่อลื่น : น้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ จากเดิมที่ 1:25 เป็น 1:33 และเปลี่ยนลูกปืนข้อเหวี่ยงจาก “กรงนก” มาใช้ระบบ “แบร์ริ่ง” แทน บังโคลนหน้ายืดความยาวสโลปล้อมากขึ้น และที่สำคัญมันให้กำลังแรงม้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 14.25 เป็น 16.25 แรงม้า ซึ่งสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 115 กม./ชม.
S p e c i f i c a t i o n
รถ / รุ่น MZ ES 175/1 ES 250/1
ปีผลิต 1957-1972 1956-1973
เจ้าของ บ๊อบ ซิกเดย์
เครื่องยนต์ ซิงเกิล 2 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ความจุเครื่องยนต์ 173 ซี.ซี. 250 ซี.ซี.
แรงม้า 12 แรงม้า 16.5 แรงม้า
ระบบไฟ ฟีลคอยล์
ระบบเกียร์ 4 เกียร์
ระบบคลัตช์ เปียก (หลายแผ่น)
ระบบขับเคลื่อน โซ่
ระบบโช้คอัพ (หน้า/หลัง) คานสวิง โช้คซัพ (Leading link Forks) / สวิงอาร์ม โช้คไฮดรอลิก
ระบบเบรก (หน้า/หลัง) ดรัมเบรก (บนล้อ 3.50×18 นิ้ว)
น้ำหนัก 141-145 กก. 150-162 กก.
อ้างอิง : THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown
: https://de.wikipedia.org/wiki/MZ_ES_175/250/300