1953 BSA A10 Golden Flash
หกครึ่ง หลังสไลด์…สายฟ้ามหาประลัย!!!
การจัดองค์ประกอบที่สวยลงตัว รถโมเดลสุดท้ายสำหรับโครงสร้างแบบ “หลังสไลด์” (Plunger) สีสันที่แปลกตา ทองตัดเส้นดำ แก้มโครเมียม นี่แหละที่มาของ “สายฟ้ามหาประลัย” (Golden Flash)
เล่นอังกฤษ…มันต้อง…“หกแรงครึ่ง” นี่แหละรถเรทติ้ง “ปลายห่วงโซ่” ที่บ้านเรานั้นถวิลหา ไม่ง่าย ทว่า หากได้แล้ว งานเก็บ “ให้กริป” นั้นเรียกว่าหืดขึ้น ทั้งอะไหล่ ทั้งเซอร์วิส ถ้า “ไม่ฮึด ไม่อึด” เห็นทีต้อง “ยกธง” ไปเสียกลางคัน นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไม BSA สวยๆ บ้านเรานั้นขัดสน กระนั้น ใช่ว่าอับโชค หนนี้ “เอสิบ-หัวแกะ” รถแจ่มๆ ก็ระเห็จ0มาเข้าทางจนได้ แถมเป็น BSA “หลังสไลด์” ที่เจ้าของลงกำลังภายในไปหลาย…กระบวนเพลง…!?!?!
Bert Hopwood คือเมล็ดพันธุ์ที่งอกงามของโรงงาน Birmingham Small Arms Company (BSA) จากแบ็กกราวด์ที่เริ่มต้นในวงการออกแบบรถจักรยานยนต์ ภายใต้การฟูมฟักของดีไซเนอร์ชื่อดัง Val Page แห่ง Ariel เขาในฐานะผู้ช่วยได้สร้างผลงานได้เข้าตา ซึ่งชื่อของ Hopwood เริ่มเป็นที่สนใจของผู้สร้างหลายๆ ราย ทว่า กลับยังไม่ใช่วันของเขา อังกฤษประกาศเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 กับฝ่าย “สัมพันธมิตร”
เครื่องยนต์ “หัวใจ” รหัส A10 ขนาด 646 ซี.ซี. จุดระเบิดคู่ (Parallel-Twin) ที่แรงที่สุดของยุค ชุดเกียร์แบบ Semi-unit Engine ที่ปรับ/ตั้งได้ วิวัฒนาการล้ำสมัย ที่หลุดออกมาจากโรงงานที่ “มีทุน” หนาที่สุดในยุคนั้น
ดุมหน้าแบบเสี้ยว ขยายเส้นผ่าศูนย์กลางเป็น 8 นิ้ว เพื่อรองรับกับเครื่องยนต์ที่ถูกอัพไซซ์ขึ้น
หลังสงคราม…1947 Hopwood เข้ามาร่วมงานกับ Norton ผลงานหนึ่งที่ฝากไว้กับ Norton Domonator คือประจักษ์พยาน…ก่อน…ที่จะย้ายกลับมาอยู่กับ BSA อีกครั้ง ภายใต้การบริหารร่วมของกลุ่ม BSA ซึ่งตอนนั้นถือครองกิจการในทั้ง 3 แบรนด์การค้าหลัก (Ariel/Norton และ Triumph)…BSA และ Hopwood ลุยงานพัฒนาเครื่องยนต์จุดระเบิดคู่ Parallel Twin รหัส A7 ที่เคยโด่งดังในอดีตของ เมษายน 1948 Hopwood พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม จาก A7 สู่ A10 ที่ได้ ความจุ กำลังอัด และ แรงม้า ที่เพิ่มขึ้น นี่คือเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่ “แรงสุด” ในท้องตลาด…ตุลาคม 1949 BSA หมายมั่นกับเครื่องยนต์ A10 นี้อย่างมาก โครงสร้างแบบใหม่ได้รับการพัฒนา จากเฟรมหลังแข็ง…สู่…สปริงเฟรม (Plunger/โช้คสไลด์) ปริมาตรความจุ 650 ซี.ซี. ลงตัวกับโครงสร้างแบบใหม่ เสื้อสูบขนาดใหญ่ ฝาสูบที่ได้รับการพัฒนา ชุดเกียร์ที่สามารถปรับตั้งได้ (เลื่อนเข้า-ออก) เพื่อให้ได้มิติที่ลงตัวรับกับชุดคลัตช์และโซ่ขับชุดหน้า BSA ให้ศัพท์เรียกขานมันว่า Semi-unit Engine ซึ่งถือเป็นยุครุ่งโรจน์สูงสุดยุคหนึ่งของโรงงานก็ว่าได้ ยอดการผลิตกว่า 80% ถูกวางจำหน่ายในตลาดโลก โดยเน้นลูกค้าหลัก…คือ…อเมริกา!!!
“หัวแกะ” เอกลักษณ์ของโรงงาน BSA สำหรับรถรุ่น “หลังสไลด์” ความคลาสสิกที่มาพร้อมอุปกรณ์การจัดวางที่ประกอบด้วยเรือนไมล์ฝังกลาง ซ้ายสวิตช์ไฟสูง/ต่ำ ส่วนขวาคือแอมป์วัดไฟชาร์จ และมีชุดปรับฝืดที่กึ่งกลางแกนคอ
นี่คือ “เครื่องยนต์ที่แรงที่สุดในท้องตลาด” นิคเนมที่เรียกขานว่า Golden Flash (โกลเด้น แฟลช) มาจากสีสันบอดี้ที่โรงงานเปลี่ยนจากสีดำ-โครม มาใช้ “สีทอง” ที่ดูทันสมัย ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในปี 1950 คือ 100 ไมล์/ชั่วโมง (160 กม./ชม.) กับระยะควอเตอร์ไมล์ที่ 16 วินาที ย่อมไม่ธรรมดา ในตลาด “สีทอง” ของ Golden Flash สยบความร้อนแรงของ Speed Twin และ Thunder Bird ลงอย่างสิ้นเชิง นี่คือความสำเร็จที่สวยงามที่สุดของ BSA…ก่อน…ปี 1954 เครื่องยนต์ A10 ได้รับการพัฒนาอีกครั้ง เฟรมหลังสไลด์ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของไลน์ผลิต โรงงานเพิ่มประสิทธิภาพด้วยโครงสร้างแบบเปลคู่ และซัพหลังแบบ “สวิงอาร์มโช้คอัพคู่” บังโคลนแบบชิ้นเดียวถูกแทนที่แบบบานพับรุ่นเก่า ภาพรวมของ A10 ดูทันสมัย และสปอร์ตขึ้นมาก แถมยังแตกไลน์ด้วยชื่อเก๋ๆ ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ว่า A10 Road Rocket และโมเดลปี 1956 ดุมเบรกวัสดุ “อะลูมิเนียม” ถูกนำมาใช้ ซึ่งก็ช่วยให้น้ำหนักตัวรถเบาขึ้นได้อีก
รถ “หกแรงครึ่ง” A10 เฟรมท่อนหน้า เพิ่มความแข็งแกร่งแบบท่อเปลคู่ ที่ทดแรงบิดได้สูงกว่ารุ่นเปลเดียวของ A7
ชุดขับหน้า ไพรมารี่สั้น ฝาคลัตช์อะลูมิเนียม ครอบโซ่ขับที่รับแรงมาจากชุดตลัตช์แห้ง
1957 เครื่องยนต์ A10 ทำความเร็วขึ้นได้อีกที่ 105 ไมล์/ชั่วโมง (169 กม./ชม.) ด้วยการเปลี่ยนมาใช้แคมชาฟท์องศาที่สูงขึ้น พร้อมกับชุดจ่ายน้ำมันคาร์บูเรเตอร์ Amal TT แรงม้าที่เพิ่มจาก 35 เป็น 40 แรงม้า นี่คือสรรพคุณแตกไลน์ของ Road Rocket สู่ Super Rocket ในปีถัดมา…หากใครคิดว่าเครื่องยนต์รหัส A10 น่าจะถึงทางตันแล้วคงต้องกลับคำ…1962 A10 ยังคงพัฒนา “ความแรง” ขึ้นได้อีก ธรรมเนียมการสร้างสรรค์รถแข่งสูบเดี่ยวในอดีตกลับมาอีกครั้ง จาก Gold Star สู่ Rocket Gold Star หรือ RGS รถซิ่งธรรมเนียม “คาเฟ่- เรเซอร์” กลับมาซ่าอีกครั้ง ทว่า ด้วยจำนวนที่ผลิตออกมาไม่มากนัก รถออกห้างของโรงงานขายหมดอย่างรวดเร็ว ในตลาดไม่สามารถหารถรุ่นนี้ได้ ทางโรงงานเองก็เหลือเฉพาะเครื่องยนต์ ชิ้นส่วน และของแต่งอัพเกรดบางส่วนของรถรุ่นนี้เท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากเม็ดเงินส่วนใหญ่ ถูกเทไปให้งานออกแบบเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่กำลังใกล้คลอด Rocket Gold Star จึงยื้อการผลิตได้ถึงปี 1963 เท่านั้น..ก่อนที่…เครื่องยนต์แบบเกีย์รวม (Unit Construction) รหัส A50/A65 จะเข้ามาแทนใน…ปลายปี!!!
บังโซ่ๆ แท้ ต้องมีชุดยึดของสูบลม อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดรถออกห้าง รวมถึงหน้าตาของแต่งยึดเฟรม สวยงามคลาสสิก
หลังสไลด์ (Plunger) หรือสปริงเฟรม ระบบรับแรงที่แกนล้อเคลื่อนตัวขึ้น/ลง ในกระบอกเฟรม ระบบซัพแรงเจนท์ที่ 2 ที่พัฒนาจาก “หลังแข็ง” เพราะเฟรมเป็นตัวบีบบังคับ หน้าตาของกล่องเครื่องมือจึงถูกออกแบบติดตั้งตามเส้นสายของเฟรม ส่วนท่อยังคงเป็นฟอร์แมตของรถหลังแข็ง
ประกับคันเร่งหน้าตาแปลกๆ เพิ่มออปชันด้วยกุญแจ “ล็อกคันเร่ง” กันขโมยในยุค ง่ายๆ ทว่า เผยให้เห็นแนวคิดที่หลักแหลม
1953 BSA A10 Golden Flash
รถ / รุ่น BSA / A10 Golden Flash
ปีผลิต 1953
เจ้าของ บังซัค วิทยา มะลา
กระบอกสูบ/ช่วงชัก 70 X 84 มม.
ความจุกระบอกสูบ 646 ซี.ซี.
กำลังอัด 6.5:1
แรงม้า 35 แรงม้าที่ 4,500 รอบ/นาที
ระบบไฟ แมกนีโต / 6 V.
ระบบเกียร์ 4 เกียร์ (ขวา)
ระบบคลัตช์ แห้ง (หลายแผ่น/ใช้ไอน้ำมันเครื่องเลี้ยง)
ระบบขับเคลื่อน โซ่
ระบบโช้คอัพ (หน้า/หลัง) เทเลสโคปิก / หลังสไลด์ (Plunger)
ระบบเบรก (หน้า/หลัง) ดรัมเบรก (ดุมเสี้ยว ขนาด 8 นิ้ว)
ขนาดยาง (หน้า/หลัง) 3.25 / 19- 3.50 / 19
ความจุเชื้อเพลิง 3.5 แกลลอน
ฐานล้อ 54.75 นิ้ว (1,391 มม.)
น้ำหนัก 395 ปอนด์
อ้างอิง : THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown
: BSA Classic Motorcycle / Don Morley
Story / Photo : NUIAJS
