ลองของ “พญาเหยี่ยว” เจนท์ 3 การทางคืนของ “ราชาความเร็ว”
ถึงคิวที่ต้องกลับมาทวงบัลลังก์ “เจ้าความเร็ว” อีกสักหน หลังจากที่ซุ่มเงียบสร้างรถรุ่นใหม่ในรหัสของ GSX1300R Hayabusa เจเนอเรชันที่ 3 ที่พร้อมปล่อยเหมือน “กระสุน” ที่สันดาปออกจาก “รังเพลิง” ซึ่งทีมสร้างสรรค์กล่าวว่ามันใหม่หมดจด และสร้างสรรค์พาร์ทใหม่ๆ เข้าไปมากกว่า 500 รายการ เมื่อเทียบกับโมเดลปี 2020 ซึ่งนั้นย่อมหมายความว่า เราต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกราว 3,800 $ เป็น 18,599 $ (651,000 บาท/ไม่รวมภาษี) ซึ่งก็พอจะรับได้
ปูมหลังของ GSX1300R Hayabusa นั้นเปิดตัวเป็นครั้งแรกต่อสายตาของชาวโลกไปเมื่อปี 1999 ซึ่งมาด้วยกำลังเครื่องยนต์ในขนาด 1.3 ลิตร กับแรงม้าอีก 175 ตัว และทะยานผ่านย่ายความเร็วกว่า 325 กม./ชม. นั่นคือสิ่งที่ Hayabusa หรือ GSX1300R เคยทำเอาไว้…ใช่ข่าวนี้คือทอ์ค ออฟ เดอะ ทาวน์!!! แถมยังได้ลงบันทึกอีกด้วยว่าเป็นรถโรงงาน ที่ทำความเร็วได้มากที่สุดในโลกด้วย
เดิมทีศึกชิง “เจ้าความเร็ว” ก่อนหน้านั้นตกเป็นของ Kawasaki หลังปล่อย ZZR1100 ลงในท้องตลาด ซึ่งนั่นเป็น “รถรุ่นแรก” ที่เป็นแบบรถโปรดักส์ชั่นไลน์ที่วิ่งทะลุ 300 กม./ชม. หลังจากนั้นก็ “ผลัดแชมป์” หลังจากที่ Honda เข็น CBR1100XX Super Black Bird ออกมาล้มยักษ์อย่าง ZZR1100 ได้สำเร็จ และครองการเป็นเจ้าความเร็วอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนแชมป์นี้จะผลัดค่ายกันอีกครั้ง เมื่อโลกได้รู้จักกับ “พญาเหยี่ยว”…Hayabusa!!!
วิวัฒนาการของขุมพลังของ GSX1300R นั่นเริ่มด้วยคคความจุขนาด 1,298 ซี.ซี. ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เจนท์แรกของรุ่น Suzuki และใช้มันอยู่นาน ก่อนที่เจนท์ 2 จะได้รับการอัพเกรด โดยเครื่องตัวใหม่มีความจุ 1,340 cc. มีแรงม้ามากกว่า 180 ตัว ทว่า กลับมาติดเรื่องกฎหมายค่าไอเสียหรือ Euro โดยปัจจุบันพัฒนาขึ้นไปถึง Euro6 แล้ว ทำให้เครื่องยนต์ของ Hayabusa มีข้อจำกัดบางประการ จึงจำเป็นต้องมีการ “ตอนความเร็ว” ไว้ในที่สุด ทว่า ก็พอมีทางที่จะแก้ไขด้วยการเปลี่ยนกล่องควบคุมและชุดท่อไอเสียแข่งแบบ Full System
2022 Hayabusa หรือ GSX1300RR เป็นการพัฒนาล่าสุด รถเจนท์ที่ 3 ของตระกูล Hayabusa ซึ่งภาพรวมเน้นรูปทรงรถให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น ตัวรถมีขนาดที่กระชับขึ้น ขับได้ง่ายกว่าเดิม มีการร่นระยะจากแฮนด์ถึงเบาะนั่งที่ลดลง ซึ่งช่วยให้คุมรถได้ง่าย รวมถึงท่านั่งก็จะไม่ต้องก้มหมอบเหมือนรุ่นก่อนๆ ส่วนตำแหน่งของการวางเท้ายังคงมาในแบบ“ทัวริ่งสปอร์ต” (Touring Sport) และยังคงใช้ยางรองพักเท้าเพื่อลดแรงสะเทือน ทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้สบายกว่า เบาะนั่งยังให้ความนุ่มสบาย เพิ่มการปาแต่งเข้าทรงที่ด้านหน้าของเบาะแคบลง เพื่อที่ผู้ขับขี่สามารถหนีบเข่าในเวลาที่เดินคันเร่งแรงๆ ได้ กระจกมองหลังปรับหน้าตาใหม่ ให้ความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วย นอกเหนือจากรูปทรงที่มีการจัดใหม่แล้ว ทีมออกแบบยังคงลายเซ็นต์ของรถรุ่นก่อนหน้าไว้ด้วยชุดเรือนไมล์ มันเหมือนจนเกือบจะไม่ต่างไปจากเดิม ทว่า สิ่งเดียวที่เพิ่มมาก็คือหน้าแบบ TFT ช่องเล็ดๆ ตรงกึ่งกลางเท่านั้น
ช่วงล่างของ Hayabusa มาพร้อมซัพหน้าขนาด 43 ม.ม. ของ KYB ที่สามารถปรับค่าได้ทั้งส่วนของแรงกด/ และหน่วงเวลาคืนตัว และให้การยุบตัวสูงสุดที่ 5 นิ้ว ทำงานร่วมกับซัพหลังแบบ Coil Spring ชนิดน้ำมัน ที่สามารถปรับค่าความแข็งของชุดขดสปริงได้อีกเช่นกัน ส่วนวงวงล้อที่ใช้เป็นแบบอัลลอยขนาด 17 นิ้ว ล้อหน้าขนาดกว้าง 3.5 นิ้ว ในขณะที่ล้อหลังขนาด 6.0 นิ้ว ที่มาพร้อมยาง ยางหน้าขนาด 120/70 ZR17 ยางหลัง 190/50 ZR17 ซึ่งเจนส์นี้แบบของลายก้านล้อ มีการปรับเปลี่ยนให้มีขนาดเล็กลงแต่มีจำนวนก้านขึ้น ซึ่งช่วยให้ Hayabusa ดูบางลง ทว่า มีความสปอร์ตมากขึ้น
ส่วนระบบเบรกนั้น สเป็กโรงงานจัดชุดทวินเบรก Brembo Stylema แบบ 4 พอท ทำงานร่วมกับโรเตอร์โพลทติ้งขนาด 320 มม. ส่วนเบรกหลังซิงเกิลพอทเดียวไซซ์เขื่องของ Nissin ร่วมกับโรเตอร์ขนาด 260 มม. และมี ABS เป็นพาร์ทมาตรฐาน ซึ่งช่วยให้เบรกได้มั่นใจมากขึ้น ก่อนส่งท้ายที่ระบบไอเสียแบบเครื่องยนต์ Inline 4 ยังคงพิมพ์เขียวแบบ 4-2-1-2 มันช่วยให้ Hayabusa มีความสมมาตรไม่ว่าจะมองจากมุม และได้จุดศูนย์ถ่วงที่มีเสถียรภาพเป็น…ของแถมอีกด้วย!!!
