2025 Triumph Tiger Sport 800 ทัวร์เรอร์สามสูบรุ่นใหม่ แรงเทียบรุ่นใหญ่
Triumph ได้พัฒนารถจักรยานยนต์ Tiger Sport 800 รุ่นใหม่ โมเดลปี 2025 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มรถจักรยานยนต์ทัวร์ริ่งสปอร์ตขนาดกลาง
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทางแบรนด์ได้เปิดตัว 2025 Triumph Tiger Sport 800 รุ่นใหม่ ซึ่งมาเติมเต็มช่องว่างในตลาดระหว่างรุ่น Tiger Sport 660 และ Tiger 900 ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดยุโรป
รถจักรยานยนต์ Tiger Sport 800 รุ่นใหม่ ได้รับการออกแบบมาเพื่อผสมผสานสมรรถนะในการขับขี่ที่เร้าใจและความสะดวกสบายในการเดินทางไกล โดยมอบพละกำลังและแรงบิดมากกว่า 850 รุ่นเดิม และมีกำลังใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง Tiger 1050 Sport รุ่นก่อนหน้า ซึ่งหยุดผลิตไปในปี 2021
ด้วยเครื่องยนต์สามสูบเรียงขนาด 798 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุด 113 แรงม้า เค้นแรงบิดสูงสุด 84 นิวตันเมตร ทำให้มีสมรรถนะที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกเหนือจากกำลังสูงสุดแล้ว ยังมีการพัฒนาเครื่องยนต์สามสูบให้มีแรงบิดที่ตอบสนองได้ดีในช่วงรอบเครื่องยนต์ที่ใช้งานทั่วไป โดยสามารถส่งมอบแรงบิดสูงสุดถึง 90% ได้อย่างต่อเนื่อง
แม้จะใช้เฟรมและสวิงอาร์มร่วมกับรุ่น Tiger 660 แต่รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่นี้ได้ยกระดับระบบกันสะเทือนให้เหนือกว่าจาก Showa ทั้งโช้คหน้าหัวกลับขนาด 41 มิลลิเมตรและโช้คหลังแบบโมโนช็อค สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างละเอียด ทั้งค่าความหนืด ระยะยุบตัว และการคืนตัว เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และน้ำหนักบรรทุกที่แตกต่างกัน
ระบบเบรกถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับน้ำหนักของตัวรถที่ 214 กิโลกรัม โดยใช้คาลิปเปอร์หน้าแบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ จับคู่กับดิสก์เบรกคู่ขนาด 310 มิลลิเมตร คาลิปเปอร์หลังแบบลูกสูบเดี่ยว จับคู่กับจานดิสก์ขนาด 255 มิลลิเมตร ส่วนล้อมาในขนาด 17 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Michelin Road 5
ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยที่สูงกว่า 60 ไมล์ต่อแกลลอน หรือประมาณ 25.5 กิโลเมตรต่อลิตร และความจุถังน้ำมัน 18.6 ลิตร ทำให้สามารถขับเดินทางได้ระยะทางมากกว่า 250 ไมล์ หรือประมาณ 402 กิโลเมตร ต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกกว่า 40 รายการ อาทิ ท่อไอเสียจาก Akrapovic, กริปแฮนด์อุ่นมือ และเซ็ตเก็บสัมภาระที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีกระเป๋าเดินทางตรงรุ่นที่เข้ากันกับจุดยึดมาตรฐาน และกล่องบนขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับเก็บหมวกกันน็อค 2 ใบ
ระบบเทคโนโลยีติดรถมีทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ Quick Shifter สองทิศทางที่ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน และยังมีแผงหน้าจอแสดงผลแบบสีชนิด TFT ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ My Triumph เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ เช่น การนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว หรือ Turn-By-Turn, การรับสายโทรศัพท์ และการควบคุมระบบเสียงผ่าน Bluetooth
ส่วนค่าตัวมีราคาเริ่มต้นที่ 10,995 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทยราว 480,000 บาท แถมมีตัวเลือกหลากหลายสีสัน โดยมีให้เลือกทั้งสีมาตรฐานอย่าง สีดำ Sapphire Black และสีที่ต้องเพิ่มเงินซื้ออีกสามสี ได้แก่ สีเทา Graphite, สีเหลือง Cosmic Yellow และสีน้ำเงิน Caspian Blue
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานยนต์ รถใหม่ ได้ที่ Motorcycle Magazine