Honda Hawk 11 เผยข้อมูลเชิงลึกของนีโอคาเฟ่เรเซอร์โมเดลใหม่
หลายคนต่างกำลังลุ้นให้ Honda ปล่อยของใหม่อย่างโมเดล Hawk 11 แน่นอนว่าหลายคนเคยรู้ว่าตัวรถจะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบคู่ขนาน 1,082 ซีซี ที่คาดว่าให้กำลังสูงสุด 100 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 103.9 นิวตันเมตร ส่วนสีสันของตัวรถมาในสีน้ำเงิน Pearl Hawks Eye Blue และสีดำ Graphite Black ส่วนวันเปิดตัวของ Hawk 11 คาดว่าจะเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 29 กันยายน 2022
การรู้ข้อเท็จจริงหลายอย่างอาจทำให้หลายคนใจร้อนสำหรับการมาถึงของคาเฟ่เรเซอร์ย้อนยุค อย่างไรก็ตาม Honda ก็ไม่ได้ใจร่ายกับแฟนๆ ที่รอคอยโมเดลดังกล่าว เพราะทางแบรนด์ได้เผยข้อมูลกับสื่อญี่ปุ่นอย่าง Young Machine เพื่อให้แฟนๆ ได้รับข้อมูลเชิงลึกสุดพิเศษเกี่ยวกับ Honda Hawk 11 นีโอเรโทรที่กำลังจะมาถึงตลาดในอนาคต
เมื่อพูดถึงแนวคิดในการควบคุมโครงการ Masahiro Yoshida ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาและผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกร ยอมรับว่าทีมตั้งใจที่จะสร้าง “มอเตอร์ไซค์แสนสนุกที่ผู้ใหญ่ที่เคยขี่สองล้อที่สามารถหาเวลาอิสระได้ครึ่งวันและออกไปทะนุถนอมความสุขชั่วขณะนั้นได้”
Honda Hawk 11 ดูแตกต่างจากรถโมเดิร์น-คลาสสิกรุ่นอื่นๆ เช่น MV Agusta Superveloce และ Triumph Speed Triple 1200 RR ตรงที่ Hawk 11 จะไม่เน้นที่ประสิทธิภาพสูงสุด เพราะบิ๊กเรดหวังที่จะดึงดูดผู้ขับขี่ที่ต้องการความสมดุลระหว่างความสวยงามและพลังที่เข้าถึงได้ ด้วยเหตุนี้ทีมงานจึงหันไปใช้ขุมพลังแนวคิดที่พยายามและเป็นจริงได้
“เครื่องยนต์เหมือนกับ Africa Twin ในแง่ของฮาร์ดแวร์” Yuji Kurasawa หัวหน้าฝ่ายพัฒนาระบบส่งกำลัง ยอมรับว่า “ด้วยการปรับการตั้งค่าการเปิดลิ้นปีกผีเสื้อและทำให้มีเอนจิ้นเบรกมากขึ้นเล็กน้อย ก็จะสามารถสัมผัสถึงความสปอร์ตโดยตรงมากขึ้น”
ไม่กี่เดือนก่อน Honda ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ตัวลิตรตัวเดิมสำหรับการใช้งานในมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ Rebel 1100 และการใช้ประโยชน์จากขุมกำลังเดียวใน Hawk 11 ที่กำลังจะมาถึง จะทำให้คาเฟ่เรเซอร์แห่งอนาคตเข้ามาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Kawasaki Z900RS Cafe ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 948 ซีซี 4 สูบเรียง ให้กำลัง 110 แรงม้า และแรงบิด 98 นิวตันเมตร จำเป็นต้องจับมาเปรียบเทียบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างมอเตอร์ไซค์ทั้งสองแบรนด์ก่อนขยายไปสู่ตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น
ตอนนี้ Honda ได้กำหนดตัวเลขจำหน่าย Hawk 11 จำนวน 1,200 คันสำหรับตลาดญี่ปุ่น แต่ทางค่ายยังคงไม่ได้วางแผนในการส่งออกโมเดลดังกล่าวไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าสำหรับชาวไกจินในอนาคตจะได้เป็นเจ้าของกันเมื่อไร…