ในที่สุดก็ถึงเวลาของสายทัวริ่งและสายสปอร์ตที่ชอบความเร้าใจแบบขี่ทางไกล! BMW Motorrad เปิดตัวสปอร์ต-ทัวริ่งพันธุ์แกร่งกับเจ้า BMW R 1300 RT และ RS รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ทรงพลัง พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์จัดเต็มทั้งคัน ทั้งสองรุ่นนี้ถือเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันกับรหัส GS ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน แถมใช้เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีพื้นฐานเหมือนกันอีกด้วย
NEW R 1300 RT กับ R 1300 RS โฉมใหม่ทั้งคู่ มีอะไรเหมือนกัน?
BMW ตัดสินใจเปิดตัวทั้งรหัส RT และ RS พร้อมกัน เพราะสองรุ่นนี้ใช้พื้นฐานโครงสร้างและเครื่องยนต์ร่วมกันเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบ ความจุ 1,300 ซีซี หรือ เฟรมเหล็กแบบใหม่ พร้อมโครงอะลูมิเนียมด้านหลัง ทั้งคู่จึงมีสมรรถนะ และความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีที่เทียบเคียงกันได้แบบสูสี ต่างกันที่ “จริต” และกลุ่มผู้ใช้งานเท่านั้น
สมรรถนะทะลุขีดจำกัด
BMW ใส่เครื่องยนต์ บ็อกเซอร์ 2 สูบ รุ่นใหม่ที่มาพร้อมพละกำลังสูงสุดถึง 143 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที และแรงบิดจัดจ้านถึง 149.2 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำให้เป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่แรงที่สุดที่ BMW เคยผลิตมาในสายการผลิตแบบ Mass Production
จุดต่างของ RT และ RS: เลือกให้ตรงสไตล์คุณ
R 1300 RT – สำหรับนักเดินทางผู้หลงใหลในความสะดวกสบาย
ตัวรถโดดเด่นด้วยระบบกันสะเทือนหน้าแบบ Telelever Evo รุ่นใหม่ ที่ช่วยแยกแฮนด์ออกจากการทำงานของโช้ค ทำให้ควบคุมง่ายขึ้นเวลาวิ่งทางไกล พร้อมด้วย Evo Paralever ด้านหลัง ที่ช่วยยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น และเพลาปลดเร็วที่ง่ายต่อการบำรุงรักษา
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบสีชนิด TFT ขนาด 10.25 นิ้ว ที่ฝังระบบนำทางมาให้ในตัว มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ อย่างครบครัน เช่น ระบบเตือนการชนและเตือนเปลี่ยนเลน
สีที่มีให้เลือกใน R 1300 RT ได้แก่:
- Alpine White 3
- Blackstorm Metallic (Triple Black)
- Racing Blue Metallic
- Blue Ridge Mountain Metallic
R 1300 RS – สปอร์ตทัวริ่งตัวจริง ดุดันด้วยดีไซน์
ถ้าคุณชอบการขับขี่แบบกระชับเร้าใจ รุ่นนี้น่าจะตรงใจมากที่สุด เพราะมาในแนวสปอร์ตทัวริ่งแท้ ๆ ใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ โช้คหัวกลับ (Upside-Down) ขนาด 47 มม. ให้ฟีลลิ่งที่หนึบแน่น และตอบสนองดีกว่าเวลาเข้าโค้งแรง ๆ
รุ่นนี้ยังสามารถอัปเกรดเพิ่มเติมด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ต เช่น เบาะสปอร์ต คันเกียร์สั้น การ์ดเครื่องยนต์ และ DTC-Shift พร้อมจอสองจอแสดงผลที่เน้นข้อมูลสำหรับสายซิ่งโดยเฉพาะ
สีให้เลือกใน R 1300 RS:
- Racing Blue Metallic
- Triple Black (Blackstorm Metallic)
- Performance (Lightwhite Uni)
- 719 Cuyamaca (Brooklyn Grey Metallic)
เทคโนโลยีความปลอดภัย และระบบช่วยเหลืออัจฉริยะ
ระบบช่วยขี่แน่น ๆ ทั้งคู่
ทั้งรหัส RT และ RS มาพร้อมระบบควบคุมการขับขี่แบบเต็มรูปแบบ ทั้งโหมด Road, Rain, Eco และยังสามารถอัปเกรดเป็น Riding Modes Pro เพื่อปลดล็อกโหมดเพิ่ม เช่น Dynamic และ Dynamic Pro สำหรับสายบู๊
ระบบ Cornering ABS, ระบบ DTC, ระบบควบคุมความเร็ว, ระบบเตือนการชนล่วงหน้า (FCW) และ Lane Change Warning ก็มีมาให้ครบแบบที่ไม่ต้องติดเพิ่ม
สรุป – สองสไตล์ จากขุมพลังเดียวกัน เลือกให้ตรงใจ
จะเป็นสายเที่ยวไกลแบบพรีเมียมด้วย R1300 RT หรือสายบู๊สปอร์ตเต็มตัวแบบ R1300 RS ก็ไม่ผิด เพราะทั้งคู่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน เครื่องยนต์เดียวกัน และล้ำเท่ากันทุกจุด และใครที่กำลังหารถทัวริ่งดี ๆ ขี่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องบ่นอุบอิบว่าปวดหลัง หรืออยากได้สปอร์ตที่ไม่ได้ทิ้งความสบายแบบทัวริ่งแม้แต่น้อย ต้องบอกเลยว่าสองรุ่นนี้คือคำตอบที่ใช่สำหรับคุณ
เรื่อง : ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย : Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารยานยนต์ตามความต้องการรถใหม่ได้ที่ Motorcycle Magazine
