มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โลกใหม่แห่งยุค 2021
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/07/Damon-1-e1626075850559-780x470.jpg)
ในตอนนี้ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ก็พัฒนาไม่แพ้ตลาดรถยนต์ เนื่องจากผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์อันดับต้นๆ ของโลกหันมาผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ากันอย่างจริงจัง สาเหตุสำคัญก็เพื่อเป็นพลังงานทดแทนน้ำมันที่จะหมดไปในอนาคตและอนุรักษณ์โลกไม่สร้างมลพิษ ที่สำคัญยังแรงสุดๆ อีกด้วย ซึ่งจะมีรุ่นไหนที่เป็นทีเด็ดบ้างมาดูกัน
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/07/TARFORM-1-1024x683.jpg)
TARFORM
TARFORM แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากบรู๊คลิน อเมริกาอย่าง TARFORM ที่ได้ปล่อยบิ๊กไบค์ไฟฟ้ารักษ์โลกตัวแรกออกมา จุดเด่นของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้คือชิ้นส่วนของรถส่วนมากผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้เอง แม้ตัวรถจะคันใหญ่แต่มีน้ำหนักเพียง 200 กิโลกรัมเท่านั้น
ในด้านพละกำลัง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคันนี้เลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังมากถึง 41 kW ส่งกำลังตรงสู่สายพานเพื่อขับล้อให้หมุนโดยไม่มีระบบเกียร์บ๊อกซ์ เก็บกักพลังงานด้วยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 10 กิโลวัตต์ สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 3.8 วินาที สามารถวิ่งได้ไกล 193 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ราคาอยู่ที่ 24,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 740,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/07/fuell-flow-Erik-Buell-1-1024x536.jpg)
Fuell Flow รถไฟฟ้าจาก Erik Buell
Fuell Flow มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังขับ 11 กิโลวัตต์เทียบเท่ากับรถขนาด 125 ซีซี หรืออีกเวอร์ชั่นที่ให้กำลังสูงขึ้นเป็นขนาด 35 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากับพิกัดสูงสุดของใบขับขี่แบบ A2 ของอังกฤษ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะอยู่ด้านบนของล้อหลังทำให้มีที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ถึง 50 ลิตร
Fuell เคลมว่า Fuell Flow นั้นสามารถใช้เดินทางในเมืองได้ถึง 200 กม.สำหรับการชาร์จหนึ่งครั้ง (จำเป็นต้องชาร์จที่สถานีชาร์จสาธารณะ) และมีสนนราคาที่ 350,000 บาท (ราคาโดยประมาณ)
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/07/harley-davidson-livewire-1-1024x512.jpg)
Harley Davidson Livewire
Harley Davidson Livewire ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นหัวใจหลักของรถคันนี้ สามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ( 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ) ภายในระยะเวลาแค่ 3.5 วินาทีเท่านั้น และแบตเตอรี่ในทุกการชาร์จเต็ม 1 ครั้งสามารถแล่นได้ระยะทางสูงสุดถึง 180 กิโลเมตร และใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 80 % เพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น
Harley Davidson Livewire มาพร้อมกับมาตรวัดความเร็วแบบจอสี TFT เต็มระบบซึ่งสามารถทัชสกรีนได้ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นสุดล้ำ Harley-Davidson’s Connect ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ Smart Phone ของผู้ขับขี่ โดยผู้ขับขี่สามารถดูข้อมูลต่างๆของตัวรถได้ อาทิ ปริมาณแบตเตอรี่ที่ยังคงเหลือและระยะทางที่วิ่งได้ , ระยะทางที่ผู้ใช้รถขี่ไปในช่วงเวลาต่างๆ , ระยะเวลาที่เหลือในการชาร์จแบตเตอรี่ , ระบบ GPS พร้อมแผนที่ และระบบกันขโมยที่ทำงานคู่กับสมาร์ทโฟน โดยราคาค่าตัวของมันอยู่ที่ 29,799 ดอลล่าสหรัฐ ( ยังไม่รวมภาษี ) หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 955,000
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/07/damon-hyperpro-1-1024x513.jpg)
Damon Hypersport Pro
Damon Hypersport Pro ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 20 kW ระบายความร้อนด้วยน้ำ เป็นขุมกำลังหลัก โดยที่มอเตอร์ตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่า Zero S/F (14.4 kW) H-D LiveWire (15.5 kW) และเป็นรองเพียง Energica Ego ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 21.5 kW โดยที่แบตเตอรี่ของเจ้า Hypersport Pro นั้นสามารถให้กำลังไฟสูงสุดได้ถึง 150 kW ซึ่งส่งผลให้ตัวรถนั้นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้แตะ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (321.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) โดยที่แบตเตอรี่หนึ่งก้อนนั้นสามารถวิ่งทำระยะแบบเต็มสปีดได้มากถึง 200ไมล์ (321 กิโลเมตร) หรือจะวิ่งไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเขตเมืองก็จะเพิ่มระบบในการวิ่งได้สูงสุดถึง 300 ไมล์ หรือประมาณ 482 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
Damon Hypersport Pro ติดตั้งระบบความปลอดภัย Co-Pilot ที่จะเป็นระบบเอไออัจฉริยะที่จะคอยตรวจจับวัตถุรอบๆตัวรถ เพื่อประมวลความเป็นไปได้ที่จะมีวัตถุแปลกปลอมที่จะพุ่งเข้าชนตัวรถ โดยระบบสามารถตรวจจับได้ทั้ง 360 องศา และสามารถจับวัตถุได้ในเวลาพร้อมๆกันมากถึง 64 ชิ้น และสามารถส่งสัญญาณเตือนได้ทั้งแบบระบบสั่นที่แฮนด์รถและสัญญาณไฟบนหน้าจอแสดงผล นอกจากความปลอดภัยแล้วตัวรถยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งพักเท้า ชิลด์หน้ารถ และเบาะนั่ง ให้เหมาะสมกับการขับขี่ในหลายๆ รูปแบบอีกด้วย Hypersport นั้นจะเริ่มต้นที่ 24,995 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 756,850 บาท