Classic BikeHighlight

1952 BMW R68 แบบผลิตรถ “ปลอกเหล็ก” ไลน์ผลิตต้น รถท็อป “สเปร์ควาย”

0 OPEN_resize

ไม่ครับพี่ นี่ R68 อีกคัน!!!…ปลายสายโฝงกลับมาเข้าโสต!!! คันเดียวที่คิดว่ายากแล้ว สำหรับสายเก๋าที่มี “สเปร์ควาย” ไว้ในครอบครอง หนนี้ มาแบบ “แพคคู่” แถมคู่นี้ยังเป็นไลน์ผลิตต้น “โช้คปลอกเหล็ก” ที่ “โก๋นาซี” นั้นถวิลหวัง แต่ก่อนจะมูฟกับไปเสพแบบแนบสนิม มามะ มาทำความรู้จักกับเจ้า “รถเครื่องใหญ่ 35 ม้า” ภายใต้โครงสร้างเฟรมแบบวินเทจ“หน้ากระบอก-หลังสไลด์”ไลน์อัพกรด…สู่…ความเป็นที่สุด !?!?!     

1_resize

Body/Frame :

R68 คือรถรุ่นที่ดีที่สุดของ BMW สำหรับแบบการผลิตที่เลือกวางไว้บนโครงสร้างแบบหน้ากระบอกไฮดรอลิก ร่วมกับซับหลังแบบโช้คสไลด์ (Plunger)…ตั้งแต่ R32 คันแรกถูกสร้างสรรค์ขึ้นในปี 1923 โครงสร้าง เฟรมแบบท่อกลม หน้าแหนบ ถังใต้เฟรม หลังแข็ง คือความลงตัวที่ถูกถ่ายทอดจากมันสมองของ Max Priz วิศวกรการบินผู้โด่งดัง…1929 มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเฟรมครั้งใหญ่ด้วยงานโลหะ ปั๊มขึ้นรูป หน้าแหนบ ถังในเฟรม หลังแข็ง โปรดักต์โมเดลแรกเป็นที่รู้จักทันทีในนามของ R11…ถัดมา…1935 R12 กับโครงสร้าง เฟรมปั๊ม หน้ากระบอก ถังในเฟรม หลังแข็ง ถูกผลิตออกมา…และ…ตามด้วย 1936 โครงสร้างใหม่ที่ปรับเปลี่ยน เฟรมปั๊มขึ้นรูปถูกแทนด้วย เฟรมท่อกลม หน้ากระบอก ถังบนเฟรม R5 รถรุ่นสุดท้ายที่ยังคงรั้งพันธนาการด้วยเฟรมหลังแบบฮาร์ดเทลที่แข็งแกร่ง…1938 R51 เฟรมท่อกลม หน้ากระบอกไฮดรอลิก ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าแกร่ง ในขณะที่นวัตกรรมใหม่เอี่ยมที่เรียกว่า “เทเลสโคปิค แอพซอร์ฟ” ก็ได้รับการพัฒนาปรับใช้ “หลังสไลด์” บ้านเรากลับเรียกขานอย่างนั้น นี่คือระบบแอบซอร์บที่วางแกนเพลาล้อหลังเข้าไว้กับแนวกระบอกไฮดรอลิก พร้อมติดตั้งคอยล์สปริงในปลอกเดียวกัน มันนิ่มนวลขึ้น ซึ่งโรงงานก็บัญญัติศัพท์อย่างเป็นทางการว่า “Telescopic Suspension” โครงสร้างแบบใหม่นี้ ในช่วงท้ายไลน์ผลิต ยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยเสากลางเฟรม ที่ช่วยลดการบิดตัว หลังต้องแบกรับภาระจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (R67/ R68)…ก่อน…ปิดท้ายด้วย “โช้คสวิงอาร์ม” โครงสร้างรุ่นสุดท้าย ที่ได้เห็นในบอดี้ของรุ่น R50 ที่เริ่มใช้ในปี 1955 และยังคงใช้กระทั่งวาระสุดท้ายของยุคคลาสสิกถึงปี 1969

3_resize

8_resize

6_resize

Engine :

เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ Flat-Twin (1923-1969) ระบายความร้อนด้วยอากาศ ถูกผลิตขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1923 จากความคิดที่ว่า เครื่องยนต์ “สูบนอน” สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่า เพราะเสื้อสูบจะปะทะกับอากาศได้โดยตรง โดยความคิดดังกล่าวถือเป็นประเพณีที่ถูกสืบทอดยาวนานมากระทั่งปัจจุบัน ภายใต้รหัสเครื่องยนต์ที่สะอาดตาว่า “บล็อก R” ซึ่งผลิตออกจำหน่ายทั้ง ระบบไซด์วาล์ว (SV) และ โอเวอร์เฮดวาล์ว (OHV) โดยมีปริมาตรกระบอกสูบตั้งแต่ 494 / 594 และ 745 ซี.ซี….R68 ถูกผลิตภายใต้พื้นฐานของเครื่องยนต์ขนาด 594 ซี.ซี จากโมเดล R67 ที่เปิดตัวในปี 1951 ด้วยปริมาตรกระบอกสูบ / ช่วงชักที่ 72×73 มม. ทว่า วิศวกรกลับไม่ลืมพัฒนาในเรื่องของ “กำลังเครื่องยนต์” ที่เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจถึง 35 แรงม้าที่ 7,000 รอบ / นาที (R67 / 1951-26 แรงม้าที่ 5,500 รอบ / นาที) ซึ่งถือว่าเป็นการ “ก้าวกระโดด” ของงานวิศวกรรมก็เห็นจะได้ กำลังอัดขนาด 8:1 ช่วยการันตีความ “พิเศษ” ของ R68 จนไร้ข้อกังขา และเพราะความ “จัดจ้าน” ที่มีเกินใคร สนนราคาค่าตัวที่วางขายในตลาดที่สูงถึง 3,950 DM (ดอยซ์มาร์ค) ก็ทำให้ใครต่อใครต้อง…ร้อง!!!

2_resize

Transmission :

ระบบ ขับเคลื่อนด้วย “เพลา” อันเป็นเอกลักษณ์นั้น BMW ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ข้อดีในเรื่องการดูแลรักษาที่ไม่ต้องมีการปรับตั้ง และไร้เสียงรบกวนที่ชวนหัวเสียจึงเป็นข้อได้เปรียบ กระนั้นก็ยังต้องหมั่นดูแลน้ำมันเฟืองท้ายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน หากไม่พิสมัยการ “ยกยวง” หรือหากจะมีการปรับเปลี่ยนทดเฟืองท้ายก็สามารถทำได้ให้เหมาะสมตามรูปแบบการ ใช้งาน ซึ่งการพัฒนาข้างต้น R68 ยังคงรับอานิงสงส์ชุดขับหลัง (เพลาเปลือย) จากรุ่น R67 มาใช้ ทว่า อัตราทดเกียร์อนุกรมใหม่ที่ 4.0 / 2.28 / 1.7 / 1.3 (เหมือนกับ R67/2) กับเฟืองเพลาหน้า / หลัง ขนาด 9/ 35 ฟัน (R67-9 / 32) คืออัตราทดสำหรับรถถนนที่ไหลลื่น…และ…หากพิสมัยติดตั้งไซด์คาร์ของ Steib รุ่นต่างๆ ค่าสัมประสิทธิ์ที่ลงตัวขนาด 7/32 ฟัน…คือ…ผลลัพธ์!!! 

5_resize

10_resize

12_resize

1952 BMW R68
รถ / รุ่น                                     BMW / R68

ปีผลิต                                        1952-1954

จำนวนผลิต                               1,452 คัน

เจ้าของ                                     เรก “6 แรง”  (BMW STATION)

เครื่องยนต์                                2 สูบนอนยัน 4 จังหวะ 594 ซี.ซี.

ระบายความร้อนด้วยอากาศ

กระบอกสูบ/ ช่วงชัก                72 / 73 มม.

แรงม้า                                       35 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที

กำลังอัด                                    8 : 1

ระบบไฟ                                     Noris 6 VL 45 / 60L

คาร์บูเรเตอร์                              2 X Bing 1 / 26/9-1/26/10

ระบบเกียร์                                 4 เกียร์ (เท้า)

ระบบคลัตช์                               แห้ง (แผ่นเดียว)

ระบบขับเคลื่อน                        เพลา 9 / 35 ฟัน (Side car 7 / 32)

ระบบโช้คอัพ (หน้า/หลัง)       Telescopic fork / Telescopic Suspension

ระบบเบรก (หน้า/หลัง)           ดรัมเบรก (ดุมเต็มขนาด 200 มม.)

ขนาดยาง (หน้า/หลัง)            3.50 / 19 นิ้ว
มิติ (กว้าง/ ยาว/ สูง)              725 / 2,130 / 985 มม.

ฐานล้อ                                     1,400 มม.
น้ำหนัก                                    190 กก.

อ้างอิง : THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown

: BMW PROFILE 1923-1969 / BMW MANUFACTURING MUNICH
: https://en.wikipedia.org/ bmw

14 OWNER_resize

13 LOGO_resize

 

เรียบเรียงข้อมูลโดย นิตยสาร มอเตอร์ไซค์ : motorcycmagazine.grandprix.co.thmag
ติดตามข่าวสาร ยานยนต์ รถจักรยานต์ รถใหม่ ได้ที่ www.grandprix.co.th

Related Articles

Check Also
Close
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save