1986 Yamaha FZ400R
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/1-6-780x470.jpg)
ขี่เที่ยวก็ได้ ทำแข่งก็ดี “เอฟแซด” ชื่อนี้มีมนตร์
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/12-1-1024x672.jpg)
FZ400R คือความฝังใจวัยเด็ก ที่กลับมาอยู่ในความครอบครองอีกครั้ง
ย้ายค่ายมาที่ Yamaha กันบ้าง ตามเทรนด์ของรถ “ไฟคู่” ที่กำลังเป็นกระแส “คลาสนี้” พิมพ์นิยม ก็ต้องปั้นให้ไม่น้อยหน้า ระดมสมองทีมสร้างสรรค์ ปูสเป็กรถ “สปอร์ตโปรดักชัน” ออกมาให้ได้ลิ้มลอง ทั้งสีสัน ทั้งหน้าตา เรียกว่าได้ใจแฟนคลับ “เดย์โทน่า คัลเลอร์” คือจุดขายต้น ที่เรียกราคา “รถแรง” ให้ตลาดได้หันมอง ก่อนสร้างสรรค์มันออกมา “เรียกเงิน” ได้ถึง…3 เวอร์ชัน!!!
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/2-6-1024x683.jpg)
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/3-5-1024x683.jpg)
Yamaha FZ400R : คือซีรี่ส์ของรถจักรยานยนต์ “ขนาดกลาง” ที่ยามาฮ่าพัฒนาต่อจากรุ่น XJ400Z ระหว่างปี 1984-1988 เพื่อหวังให้เป็นรถสปอร์ต Replica ในคลาส F-3 ที่กำลังเป็นความต้องการของตลาด อานิสงส์เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 399 ซี.ซี. แถวเรียงระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาด 59 แรงม้า ถูกวางบนโครงสร้างเฟรมเหล็กแบบท่อเหลี่ยม โช้คหน้าแบบเทเลสโคปิก กับล้อหน้า/หลังขนาด 16/18 นิ้ว คือมิติที่ลงตัว นี่คือรถอเนกประสงค์ที่ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง ทั้งเป็นรถเดินทางท่องเที่ยว หรือหากจะปรับแต่งเพื่อลงสนามก็ทำได้
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/4-5-1024x683.jpg)
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/5-5-1024x683.jpg)
และใส่ฝาถังน้ำมันแบบเครื่องบิน มันคือของเล่นล้ำสมัยมากในยุค
1st.. Generation : FZ400R โมเดลแรกในปี 1984 ไม่มีสีให้เลือก โรงงานบรรรจงสร้างสรรค์สีพิเศษออกมาให้เลย มันถูกเรียกว่า “Daytona Colour” น้ำเงิน/ขาว (Cosmic Blue/ Silky White) ตัดด้วยกราฟิกบั้งๆ สีแดง (Red-strobe) มันคือลวดลายที่ต่อมาได้เสมือนเป็น “ลายเซ็น” สำหรับรถสมรรถนะสูงของยามาฮ่า ท่อไอเสียแบบรวม 4-2-1 คือแนวทางควบคุมเสียงที่เสนาะหู เรียกว่าที่รอบเครื่องไหนๆ มันก็กร้าวในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพลักษณ์ของรถแฟริ่ง “ครึ่งท่อน” พร้อมไฟหน้าแบบคู่ 2 ดวง นี่ถือเป็นงานออกแบบดีไซน์ใหม่ล่าสุดที่ถูกส่งลงในท้องตลาด
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/9-6-1024x683.jpg)
พิเศษคือ เกจ์น้ำมัน/ความร้อน (ขวาสุด) ใช้เข็มร่วมกัน กดเช็ทได้
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/6-5-1024x683.jpg)
2nd.. Generation : ในเดือนมีนาคม 1986 มีการไมเนอร์เชนจ์เล็กๆ ให้กับ FZ400R ด้วยการปรับดีไซน์ของกระจกมองหลังให้ลู่ลมมากยิ่งขึ้น ปรับเปลี่ยนเม้าท์ยึดเป็นอะลูมินัม และพ่นล้อเป็นสีขาวเพื่อให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เปลี่ยนฝาถังน้ำมันเป็นแบบบานพับ ซึ่งได้แนวคิดมาจากฝาเชื้อเพลิงของเครื่องบิน สีน้ำเงิน/ขาว เฉดใหม่ (Frence blue/ Silky White) พร้อมตัวหนังสือ FZ ที่เป็นลายเซ็นยังคงได้รับการติดตั้งไว้ที่กึ่งกลางของแฟริ่งชิ้นบน ส่วนงานท่อไอเสียมีชิ้นส่วนอะลูมิเนียมเข้ามาร่วม รวมถึงปรับแต่งระบบภายใน เพื่อให้สุ้มเสียงเสนาะหูมากยิ่งขึ้น
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/8-6-1024x683.jpg)
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/10-3-1024x683.jpg)
3rd.. Generation : ตุลาคม 1987 จะเรียกว่าเจนท์ 2.5 ก็คงจะได้ เพราะโรงงานทำมันให้เป็น “ออปชัน” เพื่อการตกแต่งที่วางจำหน่ายเพิ่มมาในรถรุ่น 2 “เบาะเดี่ยว” เพิ่มความสปอร์ต ซึ่งต่อมามันกลายเป็นพาร์ท “สแตนดาร์ด” ที่ใส่ให้มา นอกเหนือจากสีที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยามาฮ่าเพิ่มออปชันสีสันด้วย “สีดำ” (Yamaha Black) คาดด้วยเส้น “สีขาว” และ s และไม่ลืมลายเซ็น “FZ” สีทอง ซึ่งคราวนี้ขยับมันลงมาวางตรงกลางของแฟริ่งชิ้นล่าง
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/7-5-1024x703.jpg)
![](https://motorcycmagazine.grandprix.co.th/wp-content/uploads/2021/03/11-3-1024x683.jpg)