2022 Ducati V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary Edition
2022 Ducati V2 Bayliss ซูเปอร์ไบค์ V-twin รุ่นสุดท้ายในกลุ่มผลิตภัณฑ์จากโบโลญญา ด้วยเครื่องยนต์ Superquadro ที่ไม่เพียงแต่มอบการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างพละกำลังและสมรรถนะ แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ยังช่วยให้เกือบทุกคนได้รับประโยชน์สูงสุดจากตัวรถและตัวผู้ขับขี่เอง นับว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามที่สุดของแบรนด์นี้เลยก็ว่าได้
Panigale V2 ออกมาในปี 2020 เพื่อมาแทนที่ Panigale 959 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ ทั่วโลก แต่สำหรับปี 2022 ทางแบรนด์ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ในการวางจำหน่าย Ducati V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary Edition มันเป็นรุ่นที่มีการอัพเกรดเหนือกว่ารุ่น V2 เวอร์ชั่นมาตรฐาน รวมถึงการตกแต่งและสีตัวถังของ Troy Bayliss ระบบกันสะเทือนหน้าและหลังของ Öhlins และแบตเตอรี่ลิเธียมน้ำหนักเบาพิเศษเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
สำหรับ Panigale V2 รุ่นมาตรฐานมีราคา 17,795 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 618,900 บาท) ในขณะที่รุ่น Bayliss ที่ระลึกนี้จะคืนเงินให้คุณ 21,495 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 747,585 บาท)
Ducati V2 Bayliss 1st Championship 20th Anniversary Edition มาพร้อมกับเครื่องยนต์ Superquadro สูบคู่ 90 องศา 955 ซีซี สี่วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยของเหลว ขนาดกระบอกสูบและระยะชัก 100 x 60.8 มม. สามารถให้กำลังสูงสุด 132.6 แรงม้า ที่ 10,730 รอบต่อนาที เค้นแรงบิดสูงสุด 104 นิวตันเมตร ที่ 9,070 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด คลัตช์แบบเปียกพร้อมสลิปเปอร์และฟังก์ชั่นช่วยเหลือและสั่งงานด้วยไฮดรอลิก
ตัวรถใช้โครงอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปชิ้นเดียวและใช้เครื่องยนต์เป็นตัวรับแรงดึง หัวบังคับเลี้ยวอยู่ที่ 24 องศา พร้อมระยะเทรล 3.9 นิ้ว และระยะฐานล้อ 56.6 นิ้ว สิ่งที่ทำให้ V2 Bayliss แตกต่างจาก V2 มาตรฐาน คือ ระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นโช้คหัวกลับ Öhlins NIX 30 ที่ปรับได้เต็มที่ มีระยะยุบ 4.7 นิ้ว ส่วนด้านหลังใช้โช้คอัพ Öhlins TTX 36 ติดตั้งแบบออฟเซ็ตและปรับได้เต็มที่พร้อมระยะยุบตัวของล้อหลัง 5.1 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Pirelli Diablo Rosso Corsa II เป็นมาตรฐาน ด้านหน้าขนาด 120/70-17 และด้านหลังขนาด 180/60-17
ระบบเบรกเหมือนกันกับรุ่นมาตรฐาน มีคาลิเปอร์ Brembo Stylema M4.32 4 ลูกสูบ แบบเรเดียลเมาท์หนึ่งคู่ และดิสก์เบรกขนาด 320 มม. ด้านหลังใส่คาลิเปอร์ Brembo 2 ลูกสูบ และดิสก์เบรกขนาด 245 มม.
ด้านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบไปด้วย คันเร่งแบบ Ride-by-Wire และ IMU หกแกน มีโหมดการขี่ 3 โหมด: Street, Sport และ Race แต่ละตัวมีพารามิเตอร์ที่ปรับโหมดให้เหมาะสม มีการตั้งค่าล่วงหน้าสำหรับกำลังขับของเครื่องยนต์ DTC EVO 2 (Ducati Traction Control) 8 ระดับ DWC (Ducati Wheelie Control) 4 ระดับ EBC EVO (Engine Braking Control) 3 ระดับ และ ABS Bosch Cornering EVO 3 ระดับ ค่าที่ปรับตั้งไว้ทั้งหมดเหล่านี้สามารถแทนที่ได้เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของผู้ขับขี่ และสามารถเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้นได้
นอกจากนี้ยังมีควิกชิฟเตอร์ 2 ทิศทาง ขึ้นและลงเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จอแสดงผลแบบสีชนิด TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ขณะที่ไฟส่องสว่างรอบคันแบบ LED เต็มระบบ
สปอร์ตไบค์ทุกคันในตลาดเป็นคู่แข่งกัน แต่ขอโฟกัสไปที่มอเตอร์ไซค์สำหรับแข่งขันใน World Supersport ในปัจจุบัน เสียดายที่ Yamaha R6 หลุดออกจากสายการผลิตไปอย่างน่าเสีย แต่ Kawasaki ZX-6R ก็มีมาถึงโมเดลปี 2023 เช่นเดียวกับ Suzuki GSX-R600 และ GSX-R750 รวมถึง MV Agusta F3, Yamaha YZF-R9 ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด และ KTM RC 8C
เรื่อง: ธราภณ วชิระธรกุล
เรียบเรียงข้อมูลโดย Motorcycle Magazine
ติดตามข่าวสารรถจักรยานยนตได้ที่ motorcycmagazine.grandprix.co.th/