Lambretta V200 Special

บรรณาธิการAugust 7, 2019

7,254 2 minutes read

Lambretta V200 Special

ลองของ “นิวแลมฯ” ตำนานที่หยิบมาเล่าใหม่

ต้นหนืด กลางดี ปลาย (รอ) ไหล ท็อปสปีดที่ 100 กม./ชม. มาช้าไปหน่อย ไม่เหมาะนักกับ “สายขยี้” ที่คาดหวังว่ามันจะปรู๊ดปร๊าด ทันอกทันใจ ติดมือ

ร้อนสุด…ชั่วโมงนี้ต้องหลีกทางให้ “นิวแลมฯ” สกู๊ตเตอร์รีแบรนด์ระดับตำนานที่กำลังทยอยส่งถึงมือลูกค้าล็อตแรกในเมืองไทย “จัดให้” ไม่เคยคัด เพราะเราเองก็ถวิลลองของที่เขาว่าใหม่หมดจดนี้ดูเหมือนกัน จาก “ข้อด้อย” ที่แอบแอนตี้เล็กๆ บนวิถีใหม่สำหรับรถ “เกียร์มือ” ที่หนนี้ถูกปฏิวัติแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ “บิดอย่างเดียว” ศึกครั้งนี้สนุกแน่ มันเหมือนแนวทางช่วงชิง “สาวก” ที่เคยเจนจัดกันมาตั้งแต่ยุค’50…พร้อมแล้วขยับไปด้วยกัน กับ V200 “รถตัวท็อป” จากไลน์การผลิตนอกอิตาลีในนามของ Lambretta

ผลงานการออกแบบของ KISKA กับแลมฯ ใหม่ เฉียบทุกมุม และยังคงเอกลักษณ์ที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างลงตัว มันคือตำนานที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

Metal Craftsmanship :
Lambretta แบรนด์ระดับตำนานที่มีประวัติอันยาวนาน นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 กลับมารีแบรนด์อีกครั้ง กว่า 70 ปีที่สั่งสมชื่อเสียง ประสบการณ์และความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดจนเป็นตำนาน หนนี้ Lambretta รุ่นใหม่ กลับมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย บนภาพลักษณ์ที่ยังคงเอกลักษณ์ในนาม “Lambretta V200 Special” พิมพ์เขียวชั้นเยี่ยมที่ผุดออกมาจากสำนักออกแบบชื่อดังสัญชาติออสเตรียอย่าง KISKA ผู้ที่เคยฝากผลงานมาแล้วมากมาย อาทิ KTM และ Husqvarna
โคมไฟหน้าทรงเหลี่ยม โสตต้นที่เห็นแล้วต้องคิดถึง แต่ถ้าอ่อนช้อยกว่านี้จะดีมากๆ มาตรวัดแบบดิจิทัลผสมแอนะล็อก แสดงค่าต่างๆ ครบครัน โคมไฟหน้าแบบ LED สวยเด่น ถนัดตา มีไฟเดย์ไลต์

CVT / EFI Power :

Lambretta V200 Special ติดตั้งเครื่องยนต์ความจุเต็มขนาด 168.9 ซี.ซี. ภายใต้ขุมพลังแรงม้าสูงสุดที่ 13 แรงม้า (8.9 kW) ที่รอบเครื่องยนต์ 7,500 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดที่ทำได้สูงสุดอยู่ที่ 12.5 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 5,500 รอบต่อนาที ที่ทำงานร่วมกับระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ประสิทธิภาพที่มาพร้อมความประหยัดบนชุดท่อไอเสีย ที่ผ่านค่ามาตรฐานระดับ Euro 4 มาแล้ว สามารถตอบสนองในทุกย่านความเร็ว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

เครื่องยนต์แบบสายพาน CVT “บิดอย่างเดียว” 13 แรงม้า ไหลลื่นที่รอบกลางๆ ที่ 5-6,000 รอบ รุ่น V200 แต่พิกัดเต็มๆ แค่ 169 ซี.ซี. แบบนี้หวังผลเรื่องจิตวิทยาแน่นอน

ซัพหน้าตะเกียบคู่ เทเลสโคปิกบนล้อขนาด 12 นิ้ว พร้อมยางคุณภาพ Pirelli Angle Scooter แม้จะไม่คลาสสิกแต่ชัวร์กว่าแน่ๆ มาพร้อมดิสก์เบรกขนาด 220 มม. ทั้งหน้า/หลัง จัดให้มาถือว่าดีเลย เบรกหนักๆ นั้นรับประกันว่าชัวร์

Design & Function

Lambretta V200 Special มีการดีไซน์ในส่วนของช่องลมที่สามารถทำให้ลมไหลผ่านเข้าภายในบอดี้ได้ ลดความร้อน และช่วยให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทว่า งานออกแบบดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นภายใต้รูปลักษณ์ของแลมเบรตต้าดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ในส่วนของที่พักเท้า บังลม โคมไฟหน้า รวมไปจนถึงบอดี้ด้านข้าง โดยเฉพาะส่วนของบอดี้หลัก Lambretta V200 Special ใช้เหล็กที่มีความแข็งแรง แต่ยังคงมีน้ำหนักที่เบา สำหรับกระบวนการผลิต จึงทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 134 กิโลกรัม แถมยังมั่นอกมั่นใจด้วยระบบช่วงล่างตะเกียบคู่เทเลสโคปิก ร่วมกับโช้คหลังคู่คอยล์สปริง แถมยังโดดเด่นด้วยชุดเรือนไมล์ระบบ Liquid Crystal Display (LCD) ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธได้อีกด้วย

ไฟท้าย LED ฝังไฟเลี้ยวในโคมเดียวกัน เอกลักษณ์หนึ่งที่ถอดแบบมาได้อย่างลงตัว และไม่ลืมใส่เครื่องหมายการค้าไว้สร้างการจดจำ

แป้นวางเท้าเป็นพลาสติก ABS มียางกันลื่น ขับเองหรือซ้อนท้าย ก็เป็นมิติที่สบาย ยอมรับว่าออกแบบท่านั่งมาได้ดีทีเดียว

การออกแบบไฟหน้าและไฟท้ายกับเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยชุดไฟแบบ LED ส่องสว่างในทุกทัศนวิสัย ให้ความชัดเจนในทุกเส้นทางการขับขี่ การออกมิติท่านั่งที่มีความสมดุลกับสรีระการเคลื่อนไหว Lambretta V200 Special ออกแบบเบาะให้มีความนุ่ม นั่งสบาย ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อน นี่คือส่วนผสมที่ลงตัวบนรูปทรงมีความทันสมัย ทว่า ยังคงอบอวลไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนของความเป็นสกู๊ตเตอร์แบบคลาสสิกได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เบาะหลังสังเคราะห์ ปาดทรง 2 ตอน เดินเส้นสาย เย็บตะเข็บให้แปลกตา เลือกสีดูมีรสนิยม กว้าง นุ่ม เดินทางยาวๆ สบายไม่น้อย

ท่อไอเสียเหล็ก เสียงนุ่มๆ หู พร้อมการ์ดกันร้อนสีโครม จุดนี้น่าจะทำให้ดีกว่านี้หน่อย มันดูถึกไป ไม่รับกับตัวรถซะเท่าไรเลย

Lambretta V200 Special มีเฉดสีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีขาว สีแดง และสีดำ ในสนนราคาค่าตัวที่ 99,500 บาท

JOY TO RIDE
“มีโอกาสได้จับเอาเจ้า Lambretta V200 Special สกู๊ตเตอร์ CVT น้องใหม่จากค่าย Lambretta ที่ตอนนี้เริ่มทยอยส่งถึงมือลูกค้าเรียบร้อยแล้ว คันนี้เป็นรถใหม่ออกห้างจากการสนับสนุนของ Lambretta Thailand Shop ที่ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ แมตช์นี้เราจะโฟกัสที่ 2 โจทย์หลักคือ “การทำงานของเครื่องยนต์” และระบบ “ช่วงล่าง” ที่เป็นข้อกังขาต้นสำหรับการเฟ้นหาคำตอบของเราในโจทย์นี้

“ยูบ็อกซ์” มากความจุจริงๆ ใส่ได้สารพัด กระทั่งหมวกกันน็อกเต็มใบก็ใส่ได้

โสตแรกเมื่อเครื่องยนต์สันดาป เสียงคำรามผ่านท่อไอเสียฟังก็ระรื่นหูด้วย มีอาการสะท้านขึ้นมือเล็กน้อย ที่รอบเครื่องยนต์เดินเบาที่ปรับตั้งมาที่ 1,800 รอบ/นาที มีระยะฟรีเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มทำงานขับล้อหลังที่รอบเครื่องประมาณ 3,000 รอบ/นาที คันเร่งนุ่มมือดี แต่ส่วนตัวคิดว่ามัน “อืด” ไปนิดกับความจุเต็มที่ให้มาคือ 169 ซี.ซี. ทว่า เมื่อส่งต่อคันเร่งขึ้นมาที่ 5,000 รอบ ย่านเครื่องยนต์ลอยตัว ได้สมดุล ก็มี “แรงบิด” เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่รอบเครื่องยนต์กลาง 5,000-6,500 รอบ คือย่านความเร็วที่ “หวังผลได้” จะกระแทกส่ง กระชากแซง ตรงนี้สนุก “ท็อปสปีด” ที่มีโอกาสได้ลองคือ 100 กม./ชม. คันเร่งขึ้นไว หมดปลอกเร็ว แต่รอบ/ความเร็วปลายที่ค่อยๆ ไหลขึ้นไป ก็ต้องให้เวลาพอสมควร

ภายในเก๊ะหน้า เพิ่มสวิตช์ปิด/เปิด การทำงานหลักของเครื่องยนต์ และติดตั้ง USB พอร์ทขนาด 12 V. สำหรับชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมาย

ระบบ “ช่วงล่าง” ดูจะเป็นอีกโจทย์ที่เราจะมาทำการค้นหา Lambretta V200 Special เลือกนำเสนอด้วยโช้คหน้าตะเกียบคู่แบบ “เทเลสโคปิก” มาให้ ความคลาสสิกอาจจะด้อยไปสักนิด และสมรรถนะนั้นมาเด่น เฟิร์มดีแต่ไม่ถึงขั้นกระด้าง ค่ากลางๆ ที่ปรับมาให้เหมาะกับถนนเมืองไทย โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับ “ระบบดิสก์เบรก” ทั้งหน้า/หลัง เบรกหนักๆ มันสร้างความเชื่อมั่นได้มากกว่า จะหลุม ลูกระนาด หรือรอยต่อถนน ไม่ดีดดิ้น สั่นเป็นเจ้าเข้า เรียกว่าสร้างความมั่นอกมั่นใจให้ผู้ขับขี่ได้มากกว่าคานสวิงแน่นอน”

ภาพร่างของงานออกแบบ CAD เผยให้เห็นส่วนที่เป็นกระดูกสันหลังสำหรับ Lambretta V-Series ที่ใช้วัสดุเหล็ก ร่วมกับพลาสติกเหนียว ABS