Classic Bike

1952 Triumph 5T Sprung Hub

1952 Triumph 5T Sprung Hub

 “โช้คดุม สปีด”…นวัตรรกกรรมอากาศยาน!!!

0-open

            “โช้คดุม” สวยๆ หา…ดูยาก!!! ใช่ แต่บางหน…ก็…เจอตัวง่ายแบบไม่ตั้งใจ หลังปลายสายส่งหมายเทียบเชิญ ให้เข้าเก็บภาพ…ก่อน…บินกลับสู่จังหวัดรอยต่อ ที่เวลาจะช่วยสลายความทรงจำในมโนของ “โช้คดุมสปีด” คันที่สวยจัดและเก็บงานส่ง…ได้…สวยกริป พร้อมขึ้นแท่นโชว์ ณ…สะหวัน!!!

Sprung Hub : “โช้คดุม” ระบบรับแรงกระแทกของ Triumph ที่ได้รับการออกแบบขึ้นโดย Edward Turner วิศวะกรชั้นครู หลังโดดเข้าร่วมรังสรรค์รถโมเดลสปอร์ตรุ่นใหม่ให้กับไทรอัมพ์ จะเรียกว่าเป็น “ออปชั่น” ก็เห็นจะได้ มันถูกผนวกเข้ากับรถโครงสร้างแบบ “หลังแข็ง” โมเดลในไลน์ผลิต ที่ช่วยการให้ขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวล (ขึ้น) ซึ่งนั่นนำมาซึ่งความ “ปลอดภัย” ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

2

Design and Development : Edward Turner…ไม่ได้คิดเอง!!! ทว่า แรงบันดาลใจนี้เกิดขึ้นหลังการได้เห็นดุมของ Dowty บริษัทพัฒนาอากาศยานของอังกฤษ ระบบนี้ช่วยการลงจอดของเครื่องบินในรุ่น Gloster Gladistor มันเข้าตา ในวันที่แอดเวิร์ดกำลังมองหาระบบช่วงล่างที่ไม่อยากให้เหมือนกับ “โช้คสไลด์” มันต้องดูเล็ก และไม่บดบังความงามของรูปทรงรถ สปริงในเบ้ายาง พร้อมชุดกลไก ถูกวางรับกับแกนล้อหลังที่ร้อยผ่าน ที่สามารถให้ตัวขึ้น-ลงในแนวตั้งฉากได้ถึง 2 นิ้ว ด้วยชุดกลไกใหม่นี้ มันตอบโจทย์ ทว่า ก็มีน้ำหนักเฉพาะส่วนของดุมมากถึง 17 ปอนด์ (7.7 กก.)

3

3-1

Edward Turner ใช้เวลากับการพัฒนา “โช้คดุม” นี้ร่วม 2 ปี ก่อนคิดว่าจะจับใส่ในรถไลน์ผลิตปี 1940 ทว่า สงครามโลกครั้งที่ 2 (WW-II) เกิดขึ้นเสียก่อน เรามีโอกาสได้เห็น “โช้คดุม” ครั้งแรกในปีรถเครื่องยนต์จุดระเบิดคู่ (Parallel Twin) ในปี 1946 และพัฒนาในรุ่น MK-II ในรถเวอร์ชั่นปี 1951 ซึ่งโรงงานเคลมว่า มันดูแลรักษาง่าย เพียงแค่การอัดจารบีในทุกๆ 20,000 ไมล์ (32,000 กม.) เท่านั้น น่าเสียดายที่ “โช้คดุม” ถูกผลิตใช้ถึงราวปี 1955 เท่านั้น

4-1

4-2

4

1952 Triumph 5T Sprung Hub : โมเดลอานิสงค์ที่ได้รับการอัพเกรดระบบรับแรงกระแทก (หลัง) ในรุ่น Mk-II เข้ากับเฟรมแบบหลังแข็งไลน์ผลิตของรุ่น “สปีด ทวิน” ที่ถือเป็นรถที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของไทรอัมพ์ที่เกิดขึ้นตั้งปี 1938 เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง แรงบิดที่สูง กับภาพลักษณ์ของสีโครม-“แดงน้ำหมาก” (Amaranth red) เดินเส้นสีทอง เสื้อสูบเหล็ก 6 สตัท คือภาพลักษณ์ท้ายก่อนที่โรงงานผลิตในโคเวนทรีจะ…โดน…เยอรมันนีบอมในค่ำคืนของวันที่ 14 พฤศจิกายนต์ 1940 รถสวยๆ สีหวานๆ รหัส 5T ต้องหยุดการผลิต อังกฤษเข้าร่วมสงครามอย่างจริงจัง 2 ล้อ โดยยุทโธปกรณ์มากกว่า 1,000 คัน ถูกป้อนให้กับกองทัพ ซึ่งถูกลดสเปคเหลือเพียงเครื่องยนต์แบบซิงเกิล-หลังแข็ง เท่านั้น

5

6

          1946 หลัง “พันธมิตรได้ชัย” โรงงานแห่งใหม่ใน Meriden กลับมาผลิต Speed Twin ในไลน์ปี 1946 หน้ากระบอก หลังแข็ง และมี “โช้คดุม” ให้เลือกเป็นออปชั่น จากโมเดล “ไมล์บนถัง” ถูกพัฒนาอีกครั้งไปไว้บนกะโหลกไอ้โม่งไฟที่ Edward Turner ออกแบบใหม่ในโมเดลปี 1949 โมเดลนี้ถูกผลิตถ่ายทอดต่อเนื่องถึงปี 1953 และอัพเกรดอีกครั้งด้วยระบบไฟของ Lucas แบบไฟทุ่น (Generator) และจุดระเบิดด้วยแบตเตรฺรี-ฟีลคอยย์ (Coil-ignition) แทนที่ชุดไฟแบบเก่า ที่เป็นการทำงานร่วมระหว่างไดชาร์จและ…แมกนีโต…!?!?!

8-1

8

 

1952 Triumph 5T Sprung Hub
รถ / รุ่น                                    Triumph / 5T Sprung Hub

ปีผลิต                                     1952

เจ้าของ                                   เล็ก ใบเมี่ยง

เครื่องยนต์                              OHV-Palallel Twin 2 สูบ 4 จังหวะ 498 ซี.ซี.

กระบอกสูบ/ ช่วงชัก              63/ 80 ม.ม.

แรงม้าสูงสุด                           27 แรงม้าที่ 6,300 รอบ/นาที
ระบบไฟ                                  แมกนีโต/ ไดชาร์จ

คาร์บูเรเตอร์                           AMAL Monoblock

ระบบเกียร์                              4 เกียร์ (ขวา)

ระบบคลัตช์                            แห้ง (หลายแผ่น/ ใช้ไอน้ำมันเครื่องเลี้ยง)

ระบบขับเคลื่อน                      โซ่

ระบบโช้คอัพ (หน้า/หลัง)       เทเลสโกปิก / โช้คดุม (Sprung Hub)

ระบบเบรก (หน้า/หลัง)          ดรัมเบรก (ดุมเสี้ยว)7 นิ้ว/ หลัง 8 นิ้ว

ล้อ (หน้า/หลัง)                       3.25-19/ 3.50-19

ความสูงเบาะ                         31 นิ้ว
ฐานล้อ                                    55 นิ้ว

อ้างอิง : THE ENCYCLOPEDIA OF THE MOTORCYCLE / Hugo Willson
: ON 2 WHEEL / Roland Brown

: https://en.wikipedia.org/wiki/Triumph_Speed_Twin

9

 

Related Articles

Check Also
Close
Back to top button

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    Cookies Details

Save